Episodes
Wednesday Mar 06, 2019
นิมิต : คน
Wednesday Mar 06, 2019
Wednesday Mar 06, 2019
นิมิตมี 2 แบบ คือ มโนภาพ และ เครื่องหมาย นิมิตที่เป็นอันตรายต่อการภาวนา คือ..คน การรู้สึกตัวที่ยากที่สุดคือ การรู้สึกตัวที่จะอยู่กับคน นิมิตของคน: รูปของคน, เสียง, การกระทำของคน, พฤติกรรมของคน ... ทำให้รู้สึกตัวได้ยากที่สุด สร้างให้หลงได้ง่าย ปรุงแต่งได้ง่ายที่สุด แต่ถ้ามีสติดีๆก็จะรู้เห็นได้ง่ายที่สุดเช่นเดียวกัน จิตเรามันปรุงแต่งเรื่องของคนได้ง่าย เพราะเราปรุงแต่งเรื่องของเราได้ง่าย นี่คือนิสัยเดิมของจิต คือเราชอบปรุงแต่งอยู่กับอารมณ์ของตัวเราเอง มันเป็นความคุ้นชิน พอเราเห็นรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสจากคน มันก็เลยกระตุ้นอาสวะ กระตุ้นกิเลส ให้เห็นเยอะเลย ให้ไปหัดอยู่กับปัจจุบัน ให้อยู่กับรู้ ให้เยอะขึ้น เรามีองค์ประกอบในการรู้ครบอยู่แล้ว ไม่ต้องสร้าง คือมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาส่งเสริมการรู้ของเราแล้ว เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เป็นผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้ดู ให้ขยัน รู้ บ่อยๆ รู้ เห็นแล้วปล่อยผ่านอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องเอาอารมณ์ใดๆเลย เพราะมันเอาไม่ได้ ให้คุ้นชินในการรู้ เป็นผู้รู้ ผู้ดู เรามักคุ้นชินในการคิด เป็นการฝึกแบบเจโตวิมุตติ ใช้ญาณตัวรู้ เป็นเครื่องมือ แล้วให้อารมณ์ต่างๆปรากฏขึ้นมา แค่ รู้ แล้วปล่อยผ่านเฉยๆ ถ้าปัญญาวิมุตติ จะใช้คิดให้เกิดปัญญาจนจิตยอมรับ เพียงแต่ยืนหยัดในศีล ในทาน ศีล ; ระวังดีๆ เวลาอะไรมากระทบปุ๊บมักจะออกทางปาก กับทางมือ ทาน ; หัดจาคะ 2 อย่างนี้ถ้าทำได้จะเป็นปัจจัยให้เกิดสมาธิได้ง่าย ให้เห็นบ่อยๆว่า อยาก...แล้วนะ แล้วก็ปล่อยผ่าน แต่ถ้าอยาก แล้วทำตามอยากจนจบ อย่างนี้ไม่ได้เรื่องนะ จะทำศีลขาด แล้วตัวผู้รู้ก็จะอ่อนแอทันทีเลย แต่ถ้ารู้จักเบรกบ่อยๆ ตัวผู้รู้จะเริ่มเติบโตขึ้น ให้หัดรู้บ่อยๆ ตัวผู้รู้จะได้แข็งแรง ให้ระวังนิมิตของคน รูป เสียง พฤติกรรม.. มันกระตุ้นให้เราได้สังเกตุตัวเองได้เยอะเลย เวลาเห็นคนปั๊บ อย่าไปสังเกตเขา แต่ให้สังเกตเราเอง ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาตอบโต้กับเขา ..เห็นคน, อารมณ์ที่เกิดขึ้น, ตัวรู้ ถ้าเมื่อก่อนเราไม่รู้ ; ตัวรู้ไม่มีกำลัง เราจะเข้าไปร่วมกับอารมณ์ ถ้าตัวรู้เราดีขึ้น เราจะถอนมาเห็นพฤติกรรมที่มันตอบโต้กัน แล้วก็สลายตัวไป เป็นอย่างนี้ตลอด จาคะ (ในใจ); ทานทางใจมีให้มากๆ ให้ทานทางใจให้เยอะ ไม่ต้องเสียสตางค์ จะดีก็จาคะไป ไม่ดีก็จาคะไป ปล่อยผ่านๆ นั่นแหละคือการฝึกนิสัย การให้ทาน การให้ทานกับคนไหนที่เราโกรธ เราเกลียดเราไปให้เขาได้นั่นแหละแจ๋วที่สุด ถ้าเราไปให้คนรัก..มันจะเป็นการเอาเข้า แต่คนไหนที่เราโกรธ เกลียดแล้วเราไปให้..ให้อภัยได้นั่นแหละคือ เราละตัวตนได้ แต่ถ้าเรารัก แล้วเราให้ มันเป็นการสร้างตัวตนขึ้นมา เหมือนเราให้เขาเพื่อให้เขามารักเรา ถ้าเราให้คนที่โกรธเกลียดมันจะเป็นการฝืนสุดๆ ถ้าเราให้ได้มันจะโล่งสุดๆ เป็นการให้พยาปาทะ ให้โทสะออกไป แต่ถ้าให้ด้วยความชอบเนี่ย มันให้กำลังราคะเพิ่มขึ้น ให้ควบคุมเรื่องศีล กายกับวาจา ขยันรู้บ่อยๆ จนรู้มันถี่เข้าจนเป็นสมาธิ พอเป็นสมาธิเกิดขึ้น ก็จะเริ่มเห็นความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงรอบๆตัว ก็ต้องกำหนดรู้ตัวเคลื่อนไหวตลอดชีวิตเพราะชีวิตคือ การเคลื่อนไหว โลกคือ การเคลื่อนไหว เราต้องรู้มัน ถ้าเราไม่รู้ เราจะเข้าไปในวงจรของมัน เราจะถูกมันปั่น ให้ไปซ้อมกับ คน เอาประสบการณ์ มีบาดแผลบ้าง แพ้บ้าง ชนะบ้าง ให้เป็นเรื่องสนุก อย่าไปเอาถูกเอาผิด ไปดูว่าเราจะมีปัญญาในการแก้เหตุการณ์นี้อย่างไร... ฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ ทีละขณะตลอดชีวิต ธรรมะบรรยายโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท 7 ธันวาคม 2561 ณ เบิกฟ้าธรรมาศรม
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.