Episodes
Tuesday May 21, 2019
พัฒนาการสติและการฝึก พม.ราเชน Live240462
Tuesday May 21, 2019
Tuesday May 21, 2019
พัฒนาการของสติ 3 ระดับ 1. ปชานาติ คือ สัมผัสรับรู้ได้ตรงๆ ใจที่สัมผัสถึงการเคลื่อน การไหวได้ อย่างเวลาเดินใจสัมผัสได้ถึงเท้าที่กระทบพื้น อาการทั้งหลายที่เกิดกับกาย ความรู้สึกที่เกิดกับเท้าเรา แต่ละก้าวๆ เวลาที่ใจเราสัมผัสได้ว่าเท้าแต่ละก้าว มีอาการไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน
สิ่งที่เราฝึกกันในวันแรก คือ ฝึกปล่อยผ่าน พาใจรู้จักแล้วปล่อยผ่าน ฝึกตื่นออกมาจากโลกความคิด ขยับกายใจขึ้น ตื่นจากความคุ้นชินเดิมๆ ให้มารับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆในปัจจุบันขณะให้มากขึ้น
2. สัมปะชานะการี มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม คือ ตัวสัมปชัญญะ สมาธิ
สมถะ คือ สงบนิ่ง เอาใจ ผูกไว้กับอันใดอันหนึ่งแล้วก็ให้อยู่นิ่งๆอยู่กับอันนั้น
สมาธิ คือความตั้งมั่น หมายความว่าสัมผัสอยู่กับปัจจุบันได้เรื่อยๆ ไม่หลุดไปในอดีต ไม่เตลิดไปในอนาคตนาน
สมาธิแบบวิปัสสนา, ให้นึกถึงต้นอ้อ เวลาลมพัด คือเวลาความคิดเกิดขึ้นมันอาจจะเอียงเข้าไปในความคิด แต่มันไม่ได้หายไปจากกาย ใจเราไม่ได้หลุดไปจากปัจจุบัน มันอาจจะมีอารมณ์ มีความคิด มีความรู้สึก ที่กระทบเราวูบนึง ใจเราก็ อ้าว รับรู้สัมผัส รับรู้ความรู้สึก ไปกับอารมณ์วูบนึงแล้วก็ถอนกลับ กลับมาตั้งมั่นแต่ไม่ได้หลุดไปจากกาย ไม่ได้หลุดไปจากการเคลื่อน การไหว อาการทั้งหลายที่เกิดกับกายเรา ใจเรายังรับรู้ สัมผัสได้หลายๆสิ่ง แต่ไม่หลุดลอยไปกับอารมณ์
3. สิกขติ ทำหน้าที่เป็นผู้เรียนรู้ศึกษา เป็นปัญญา เอาพฤติกรรมของกาย ของใจขึ้นมาศึกษาความจริง ให้ใจเรียนรู้ว่ามีอะไรเกิดกับกาย กับใจ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และหายไปยังไง เพื่อให้เข้าใจความจริง ที่เรียกว่าไตรลักษณ์
โจทย์วันนี้เน้นการฝึกสติระดับที่ 2 ที่เป็นสมาธิ จะให้เพิ่มการหยุดขึ้นสักนิดหนึ่ง อย่าเพิ่งขยับอย่าเพิ่งทำอะไรตามใจ มันปวดมันเมื่อย อยากนั่งอย่าเพิ่งนั่ง ให้ฝืนต่ออีกนิดนึง ยืดไปอีกหน่อย การที่เราปวดเราเมื่อยแล้วเรานั่งเลย อันนั้นมันทำให้ใจเราเป็นไปตามสัญชาตญาณ มันทำให้เราไม่ทันอารมณ์ มันไม่ละเอียดพอ ตัวสัมปชัญญะตัวนี้ อุปสรรคและปัญหาที่ขัดขวางไม่ให้เขาเกิด คือสัญชาตญาณของเรา
ให้ลองดูก่อนว่าร่างกายจริงๆแล้วมันบอกว่าอะไร ใจมันอยากทำ หรือร่างกายมันอยากทำ การฝืนสัญชาตญาณเหล่านี้มันจะทำให้ใจเรามีขันติ มันจะทำให้เราแยกออกระหว่าง ความชอบความต้องการทางใจ ความคิดอารมณ์ที่มันสั่งอยู่ตลอดเวลา กับอาการจริงๆ โลกของปัจจุบันทางร่างกาย ว่าร่างกายต้องการอะไรแค่ไหน ใจต้องการแค่ไหน ถ้าเราทำได้ดีมีสมาธิตั้งมั่น มากขึ้น มันจะแยกความเป็นรูป เป็นนามออก เราจะแยกออกว่ามี 2 ส่วน ว่ากายที่เป็นจริงๆ ผัสสะเวทนาอาการที่เกิดจริงๆมีแค่นี้ อีกส่วนหนึ่งคือใจที่ชอบสั่ง ให้ทำนั่นทำนี่
ให้เราเท่าทันอาการเหล่านี้ให้มากขึ้น โดยที่เวลาเรานั่งนั่งให้ยาวขึ้น เวลาปวดเมื่อย อย่าเพิ่งขยับ ให้รู้ตัว แล้วดูมันจริงๆว่าตอนนี้ มันปวดมันเมื่อยจริงไหมกายบอกเราว่าอย่างไร ดูซิว่ามันอยากขยับ เพราะใจมันสั่ง หรือเพราะกายมันสั่ง กายมันไม่ไหวแล้วจริงไหม หรือใจมันอยากขยับ...
คอร์สปฏิบัติธรรม คณะครูโรงเรียนรุ่งอรุณ
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท, พระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 24 เมษายน 2562 ณ ครุสติสถาน
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.