Episodes
Monday Oct 07, 2019
ศึลกับการฝึกฝืน พอจ.กระสินธุ์ 041062AM
Monday Oct 07, 2019
Monday Oct 07, 2019
ศีลกับการฝึกฝืน
ทุกครั้งที่เราเห็นเราได้ยินน่ะ
มันจะมีตัวรู้ขึ้นมาก่อน
แล้วมันจะเลยกลายไปคิด
ทีนี้เราชำนาญไปกับการคิดบ่อยๆ
มันจึงไม่เกิดการสำรวมอินทรีย์
เห็นเลยคิด ได้ยินเลยคิด ได้กลิ่นเลยคิด
ได้รสเลยคิด ผัสสะทางกายก็เลยเป็นความคิด
พอเป็นความคิดปุ๊บ ใจก็ไม่สำรวมอีก
ก็ลงไปกับอารมณ์อีก
ไม่มีการระลึกรู้ขึ้นมา
แต่พอเราฝึกสติขึ้นมาปุ๊บ มันจะเป็นตัวกั้น
เวลากระทบมาปั๊บ มีตัวรู้ก่อนมันจะคิดอะไร
พอเรามีตัวรู้ตรงนี้กั้นระหว่างกลางปุ๊บ
เนี่ย.... ศีลเริ่มเกิดขึ้นมาแล้ว
เค้าเรียกว่า เริ่มสำรวมอินทรีย์
มันจะเริ่มเกิดการสำรวมขึ้นมาตรงว่า
พอเห็นปุ๊บ กระทบปั๊บ
ตัวรู้มันเกิดขึ้นมาก่อน ก่อนที่จะเลยไปคิดนึก
คือเราสามารถที่จะมีสติระลึกอยู่กับตัวรู้ได้ก่อน อันนี้เค้าเรียกว่าเป็นการสำรวม
ศีลที่เป็นเรื่องของการ อินทรีย์สังวร คือสำรวมระวัง ตา หู จมูกลิ้น กายแล้วก็ใจ นี่เป็นศีลอีกข้อหนึ่งนะ ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ โดยการให้มีสติ
เห็นก็ให้มีสติ ได้ยินให้มีสติ ได้กลิ่นให้มีสติ
รับรสให้มีสติ ผัสสะทางกายให้มีสติ
เวลามีอารมณ์คิดนึกขึ้นมาก็ให้มีสติ
ศีลข้อนี้.. อินทรีย์สังวร จะเป็นศีลในการฝึกสติ
หัดศีลยังไง หัดให้มีความอดทน ฝืนมัน
มันอยากเลิกอย่าเพิ่งเลิก มันยังไม่ถึงเวลา
มันอยากหยุดอย่าเพิ่งหยุด มันยังไม่ถึงเวลา
มันอยากพูดอย่าไปพูด ดูซิมันจะทำยังไง
มันอยากจะทำโน่นนี่นั่น อย่าไปทำ ดูซิมันจะเป็นยังไง ลองดูซิมันจะเป็นยังไง
อารมณ์ในใจ มันเหมือนหมานั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก คุณไปให้มันบ่อยๆ มันก็มากวนคุณบ่อยๆ
มันก็เป็นนิวรณ์คาใจ
พอนิวรณ์มาปุ๊บ สมาธิก็ไม่ค่อยเกิด
เนี่ย.. นี่คือเหตุปัจจัยของมันแหละ
อย่าให้อาหารมัน แต่อย่าปฏิเสธมัน
หมามันต้องมา แต่แค่ไม่ให้อาหารมันเท่านั้นแหละ เดี๋ยวมันไปเอง
อารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงก็เหมือนหมานั่นแหละ
เราเอากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไปให้มัน
ไปสมยอมกับมัน นั่นก็ให้อาหารมัน
นั่นแหละ มันก็มาบ่อยสิ
มาบ่อยเราต้องเดือดร้อนกับมันมั้ย
พอเราตกเป็นทาสของอารมณ์
เราก็ต้องรับวิบากของอรมณ์อยู่นั่นแหละ...ไม่เลิก
แต่ขั้นฝึกศีลเนี่ย มันสนุก
ถ้าฝึกแล้ว มันได้สู้กับอารมณ์ตัวเอง
ได้เอาชนะตัวเอง ชนะคนอื่นร้อยครั้ง พันหน
ไม่เท่ากับชนะตนทีเดียว
การชนะตนเนี่ย...มันทำให้จิตเติบโตขึ้น
เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่อ่อนแอเละเทะไปกับอารมณ์มาก
การฝึกแบบมีศีลเนี่ย บางทีก็แพ้มัน
แต่รู้ความหมายของการแพ้..ว่า เราเสียท่า
เราสังเกตเหตุปัจจัยมั้ยว่าแพ้น่ะ เพราะอะไร
อ๊อ อยู่ปัจจัยแวดล้อมแบบนี้ แบบนี้
บางทีอยู่คนเดียวไม่เป็นไร
ไปอยู่ในหมู่เพื่อนฝูงอาจจะแพ้เค้า
ไหลไปกับเค้าอีก เอ้าตั้งใจใหม่ ตั้งใจใหม่ ไม่เป็นไร
จำเอาไว้ ระวังใหม่ ชนะบ้าง
ชนะไปก็อย่าเหลิง ว่าครั้งนี้เราชนะละ จะชนะเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็จะหามุมใหม่มาหลอกล่อเราอีก
ฉะนั้นแพ้บ้างชนะบ้าง
แต่ขอให้รู้ว่า แพ้เป็นยังไง ชนะ เป็นยังไง
มันจะได้ทำให้จิตเติบโตขึ้นมาในการฝึก
มันจะทำให้จิตได้มีความเข้มแข็งในการศึกษาโครงสร้างของชีวิต โครงสร้างของอารมณ์
โครงสร้างของเหตุปัจจัย ที่จะมาประกอบเป็นอารมณ์ และก็วุ่นวายแก่ใจเรายังไง
แต่ถ้าใจเราฉลาดแล้วเนี่ย ใจเราจะรอบรู้ในกองสังขาร และเท่าทันมัน
เมื่อเท่าทันมันปั๊บเนี่ย มันจะทำอะไรเราไม่ได้
เหมือนเรารู้ว่า ใครจะมาต้มเราแล้ว
เราจะโดนให้เค้าต้มมั้ย
ถ้าเราฝึกอย่างงี้แล้วมันบีบคั้นทางใจมาก
เราพาใจมาอยู่กับร่างกายซะ อยู่กับปัจจุบัน ซะ
ไอ้พวกนั้นก็อ่อนกำลังลง จิตมันรู้จักโยกย้ายตัวเอง กลับมาอยู่ฐานร่างกายซะ มาอยู่ฐานปัจจุบันซะ
ไอ้พวกนั้น มันเป็นอารมณ์อดีต อนาคต
เดี๋ยวมันมา แล้วเราไม่ไปทำตามบ่อยๆเข้า
มันจะอ่อนตัวลง อ่อนตัวลง แล้วเราจะอยู่กับมันได้ง่าย
อย่าให้อาหารมัน แต่อย่าปฏิเสธมัน
อย่าไปชวนทะเลาะอะไรกับมันทั้งนั้นแหละ
อย่าตาม อย่าต้าน แต่ยอมรับมัน
เออ มันเป็นอย่างนี้แหละ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
แต่เราไม่ได้เข้าไปร่วม
ฉะนั้นตัวนี้สำคัญที่สุด
คือตัวสติกับศีล
เพราะ 2 ตัวนี้จะเป็นปัจจัยส่งต่อสมาธิ
ธรรมะเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 4 ตุลาคม 2562 ช่วงเช้า ณ วัดแพร่แสงเทียน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.