Episodes
Monday Aug 31, 2020
อารมณ์ : ประโยชน์และวิธีฝึกออกจากอารมณ์ พจ.กระสินธุ์ 010663
Monday Aug 31, 2020
Monday Aug 31, 2020
" อารมณ์ " เป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้จัก เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่กับทุก ๆ ชีวิตและทุก ๆ วัน ทุก ๆ ขณะ ทุก ๆ เวลา แต่บางคนไม่รู้จักว่ามีอารมณ์อะไรบ้าง ในโลกนี้มีสิ่งที่เต็มไปด้วยอารมณ์
อารมณ์ทางตา ก็จะมีอารมณ์ของรูปทั้งหลายที่เกิดขึ้น ที่ตาเข้าไปเห็นในรูปชนิดต่าง ๆ สีสัน รูปลักษณ์ของแต่ละรูปภาพที่ปรากฏ นี่ก็ถือว่าเป็นอารมณ์หนึ่งที่เกิดทางตา มีลักษณะหนึ่งที่เป็นความโดดเด่นของมัน
อารมณ์ตัวที่สองก็คืออารมณ์ทางหูที่เป็นลักษณะของเสียงที่เกิดขึ้นอยู่บนโลกนี้ มีการปรุงแต่งเสียงต่าง ๆ ที่เป็นไปโดยธรรมชาติ กับเสียงที่มนุษย์ทำขึ้น เป็นเสียงเพลง เสียงพูด เราจะเห็นได้ว่า ระดับของเสียงที่เกิดขึ้น จะเป็นเสียงต่ำ เสียงสูง เสียงแหลม ที่มันมากระทบกับหูทั้งหมด ก็เป็นลักษณะของอารมณ์อย่างหนึ่งที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวในคนทุกคน
อารมณ์อีกอันหนึ่งที่มีต่อมาก็คืออารมณ์ของกลิ่นที่มากระทบกับจมูก ทุก ๆ ครั้งที่กลิ่นที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือกลิ่นที่มนุษย์สร้างขึ้น ที่มากระทบกับจมูก มนุษย์จะหวั่นไหวไปกับกลิ่น อารมณ์ทางกลิ่น(ไม่ว่า)จะเป็นกลิ่นหอม(หรือ)กลิ่นเหม็นอะไรต่าง ๆ เมื่อไม่รู้จักอารมณ์นี้ ก็จะหลงใหล อยากได้ จนต้องเสียทรัพย์สินเงินทองเสาะแสวงหามา อย่างเช่นกลิ่นน้ำหอมเป็นต้น บางขวดราคาเป็นแสน เพื่อต้องการที่จะให้เกิดอารมณ์ทางจมูกเท่านั้นเอง นี่ก็เป็นอีกลักษณะหนึ่งที่เกิดทางจมูกที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะมัน ที่ไม่เกี่ยวกับอารมณ์ของรูป ที่ไม่เกี่ยวกับอารมณ์ของเสียง เป็นลักษณะใครลักษณะมัน
ต่อมาอารมณ์ของรสที่มากระทบกับลิ้น นี่เราก็ถือว่าเป็นอารมณ์อีกอันหนึ่ง ที่เราได้ มีอาหารการกิน มีรสชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติปรุงแต่งขึ้นมา รสกล้วย รสทุเรียน รสมะม่วง รสเงาะ รถลำไย รสลิ้นจี่หรือรสขนมที่มนุษย์ได้ปรุงแต่งจากการอาศัยวัตถุดิบจากธรรมชาติมาผสมผสานให้เป็นรสต่าง ๆ ที่เราทุกคนปรารถนาและหลงใหล เสาะแสวงหาที่จะเสวยรสอันนี้ที่มันอร่อย ๆ แต่มันแต่บางครั้งรสนี้ก็จะเป็นอีกมุมหนึ่งที่มันไม่อร่อย ก็คือรสเหมือนกับที่เกิดขึ้น และมนุษย์ทุกคนเมื่อไม่รู้จักก็จะหลงกอบโกย บางคนยอมเสียเงินที่จะกินอาหารสักมื้อหนึ่งที่เป็นหมื่นเป็นแสน เพราะต้องการแค่อารมณ์ของมันคือรสที่มากระทบกับลิ้น ที่เป็นลักษณะโดดเด่นมีลักษณะเป็นเฉพาะตัวในทางลิ้น จะเป็นเปรี้ยว เป็นหวาน เป็นมัน เป็นเค็ม เป็นเผ็ด เป็นจืด นี่ก็ถือว่าเป็นอารมณ์หนึ่งที่มากระทบกับลิ้น
อีกอันหนึ่งคือกายกับสิ่งที่มาถูกต้องกาย อันนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ค่อยได้รับรู้ ไม่ค่อยได้รู้สึก มักหลงไปในอารมณ์นี้ และจมอยู่กับอารมณ์นี้ เป็นทุกข์กับอารมณ์นี้ ทุก ๆ อารมณ์เป็นทุกข์ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอารมณ์ทางกายที่เกิดจากสัมผัส ที่เป็นทั้งฝ่ายที่รู้สึกทำให้เกิดความชอบใจ สัมผัสกับเสื้อผ้าที่นุ่มที่เรียบ สัมผัสกับที่นอนที่นุ่ม สัมผัสกับอากาศที่เย็นสบาย สัมผัสกับความรู้สึกที่เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนารักใคร่ แต่ในทางร่างกายนี้มีสิ่งที่มากระทบกับมันมากมาย มีทั้งสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นสุข และมีทั้งสิ่งที่ อารมณ์ที่ทำให้เกิดความรู้สึกของความเป็นทุกข์ เช่นร้อน ปวดเมื่อย หิวกระหาย เจ็บอุจจาระปัสสาวะ หรือการแม้แต่การเป็นโรคเป็นไข้ อะไรต่าง ๆ ที่มากระทบกับร่างกาย หรือเวลาเราปวดหัว ปวดฟัน ปวดตามร่างกายต่าง ๆ นี่ก็คืออารมณ์ที่คอยดักมากระทบกับร่างกาย ความหิว ความกระหาย นี่ก็เป็นอีกอันหนึ่ง หรืออีกมุมหนึ่งก็คือ เป็นอารมณ์ที่ทำให้เราเกิดความสุข ที่เราต้องเสียเงินทอง ในการสร้างความสุขความสบายให้กับสิ่งที่มากระทบกับร่างกาย ที่เราลงทุนไปติดแอร์เพื่อต้องการความเย็น หรือเมื่อมันเย็นมากไปก็ต้องติดฮีทเตอร์ เพื่อทำให้เกิดความร้อน เพื่อปรับให้มันเกิดผัสสะที่สุขสบาย แต่ผัสสะเหล่านี้มันก็เป็นแค่ชั่วขณะหนึ่งที่ทำให้เราลุ่มหลงไป โดยธรรมชาติพระพุทธเจ้าท่านเรียกว่ากามคุณ ที่มีอยู่ในโลกนี้ ที่ธรรมชาติปรุงแต่ง ทำให้มนุษย์ทั้งหลายอยากมีชีวิตอยู่ อยากอยู่บนโลกใบนี้ ทั้ง ๆ ที่มีความทุกข์บีบคั้นมากมาย เพราะด้วยความไม่รู้จักอารมณ์และหลงเข้าไปในอารมณ์ จึงทำให้เกิดการยึดติด เสาะแสวงหาและก็ยื้อแย่งกัน
อีกอันหนึ่งซึ่งเป็นอารมณ์ละเอียดที่เป็นความคิดนึก ที่เป็นธรรมารมณ์ มีทั้งความรู้สึกที่ทำให้เราทุกข์ทรมานมากมาย เช่นความโกรธ ความเกลียด ความอิจฉาริษยาหรือความโลภอยากได้ของเขา หรือความหลงเพลิดเพลินไปกับอารมณ์ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ภายใน โดยที่ ถ้าคนไม่ได้ฝึกฝนไม่ได้ศึกษาจะไม่รู้สึกเลย จะถูกอารมณ์เหล่านี้ครอบงำและบงการให้เราต้องวิ่งตามอารมณ์ภายใน ซึ่งเราจะเห็นได้จากข่าวคราวทั้งหลาย แค่มีอารมณ์โกรธอย่างเดียวก็ระบายไปสู่บุคคลอื่น ๆ แล้วก็เกิดปัญหามากมาย ไม่ทันยับยั้งชั่งใจตัวเอง เพราะมักตกเป็นทาสของอารมณ์เสมอ ๆ
ฉะนั้นอารมณ์ภายในก็จะมีทั้งที่เป็นฝ่าย(ที่)เขาเรียกว่าอกุศลต่าง ๆ และเป็นฝ่ายกุศลที่... อารมณ์ฝ่ายกุศลคือความอดทน มีขันติ มีหิริโอตัปปะ ละอายชั่ว เกรงกลัวต่อบาปผลของวิบากมัน หรือเป็นฝักฝ่ายของเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นี่ก็เป็นฝ่ายของกุศลที่จะเกิดขึ้น ก็ถือว่าเป็นอารมณ์เหมือนกัน หรือฝ่ายอกุศลต่าง ๆ เช่นกามฉันทะ ความพอใจในกามทั้ง 5 ที่เกิดขึ้น พยาปาทะ คือความอึดอัดขัดเคือง ถีนมิทธะ คือความง่วงเหงาหดหู่ห่อเหี่ยว อุทธัจจะ คือความฟุ้งซ่านในใจที่เผลอคิดอดีตอนาคตเรื่องที่ผ่านมาแล้วและเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ตัววิจิกิจฉา ไม่รู้ทิศทางของตนเอง ลังเลสงสัยไม่แน่ใจ นี่ก็เป็นฝ่ายของอกุศล ที่ทำให้เรามักเพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้น ๆ และถ้าฝ่ายกุศล ฉันทะ วิริยะ ฉันทะ คือความพอใจ วิริยะคือความกล้าหาญ ฉันทะคือความโน้มจิตโน้มใจลงมา วิริยะคือความกล้าหาญ สติคือการตื่น ตื่นออกมา สมาธิคือความตั้งมั่น ปัญญาคือความรอบรู้ในลักษณะของอารมณ์ต่าง ๆ นี่ก็เป็นฝ่ายกุศลที่เราควรเจริญ
ฉะนั้นภายในจะมีทั้งอารมณ์ฝ่ายกุศลและอกุศลอยู่มากมาย ที่มาในรูปของความคิดความหลง กับการรู้หรือย่อให้ง่าย ๆ ว่าฝ่ายอกุศลคือตัวหลง ฝ่ายกุศลคือตัวรู้ อันนี้ก็เป็นฝ่ายนามธรรม หรืออารมณ์ที่มากระทบกับใจอีกอันหนึ่ง ซึ่งทุก ๆ วัน ทุก ๆ ขณะ ทุก ๆ เวลา ทุกคนจะพบเจอกับอารมณ์เหล่านี้ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษา ไม่ได้รับการเรียนรู้ มีแต่หลงไปกับอารมณ์ แต่ถ้าเรารู้จักและหัดออกจากอารมณ์ได้ จะทำให้เรา... จะเห็นได้เลยว่า เราไม่ต้องไปวุ่นวายกับสิ่งที่มายั่วยุ ซึ่งเป็นของชั่วคราว มาหลอกเราครั้งแล้วครั้งเล่า โดยยื่นบทเสนอให้เราว่า นั่นคือความสุข แต่เบื้องหลังก็คือความทุกข์ที่มันเป็นการบีบคั้น ผลักไส เสือกไสให้เราต้องทุกข์ทรมานดิ้นรนกระวนกระวายกับมัน
ฉะนั้นการออกจากแต่ละครั้ง เมื่อเราเห็นปุ๊บ พยายามหักห้ามจิตใจ พยายามอดกลั้น พยายามเสพแต่พอประมาณ เสพแต่ไม่ติด เพราะเราจะไม่สามารถปฏิเสธอารมณ์เหล่านี้ได้เลย แม้เขามี แต่เราก็จะไม่ยอมหลงเข้าไปเป็นทาส ฉะนั้นการที่ต้องขนขวายในการมาศึกษาและเรียนรู้เพื่อหาทางออกจากอารมณ์ ถ้าบุคคลใดก็ตาม ไม่พยายามที่จะออกจากอารมณ์ ก็เหมือนบุคคลนั้นกำลังสร้างกรงขังจิตวิญญาณของตนเองในทุกเรื่องราว ในทุก ๆ ขณะ โดยเราไม่รู้ตัว เพราะอารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อเราหลงไปติดกับมัน หลงตกเป็นทาสของมัน แล้วมันก็จะบีบคั้นและก็พยายามให้เรามากระทำโดยทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ส่งผลให้เป็นวิบากกรรม เดือดร้อนทั้งตนเองและคนอื่น ฉะนั้นการได้รู้จักอารมณ์ทั้ง 6 นี้จะทำให้เราได้เข้าใจและอยู่เหนือมันได้อย่างปลอดภัย
ส่วนวิธีการศึกษาที่เราจะรู้จักอารมณ์ทั้ง 6 นี้ เราจะต้องมาส่งเสริมฝ่ายกุศลคือตัวรู้ในเบื้องต้น ให้รู้จักลักษณะ ของอารมณ์แต่ละอย่างให้ได้ ให้เท่าทันถ้าเราจะออกจากมันให้ได้ วิธีการคือเราต้องแบ่งอารมณ์ทั้ง 6 นี้ออกเป็น 2 ส่วน เรียกว่าส่วนภายนอกกับส่วนภายใน หรือภาษาที่เราเข้าใจเรียกว่ารูปและนาม ในส่วนภายนอกนี้จะมีอารมณ์ทั้ง 5 เกิดขึ้น เช่นตากระทบกับรูป หูกระทบกับเสียง จมูกกระทบกับกลิ่น ลิ้นกระทบกับรส กายกับสิ่งกระทบกับสิ่งที่มาสัมผัส อารมณ์ทั้ง 5 นี้จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และอารมณ์ทั้ง 5 นี้ จะไม่มีความคิด เพราะเขาคิดไม่เป็น ตา หู จมูก ลิ้น กายสิ่งเหล่านี้ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส สิ่งเหล่านี้คิดไม่เป็น
ฉะนั้นเราต้องเอาจิตเอาใจเรา มาตื่นที่จะรู้ลักษณะของมันโดยปราศจากภาษาแต่พาใจสัมผัส พาใจสังเกตลักษณะของมัน พาใจไปสัมผัสความทุกข์ ความสุขของมัน นี่คือส่วนหนึ่งที่มันเป็นอารมณ์อยู่ในปัจจุบันเป็นหลัก ที่จะเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ฉะนั้นการภาวนาของเรา ถ้าเราไม่ตื่นขึ้นมาอยู่ตรงนี้ เราก็จะไม่เท่าทัน เพราะว่าอารมณ์ทั้ง 5 เมื่อกระทบไปแล้ว จะกลายไปเป็นอารมณ์ภายในที่เป็นความคิด อยู่ตลอดเวลา ที่ปรุงแต่งเกินจากสิ่งที่มันเป็นอยู่ เป็นความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอยาก อันนี้เป็นส่วนของภายในที่เรียกว่านาม ที่คอยดักปรุงแต่งอยู่เรื่อย ๆ ที่ส่งผลมาจากการกระทบที่เป็นอารมณ์ภายนอก ส่วนนี้จะเป็นส่วนของอดีตและอนาคต และจะเป็นส่วนของความคิดที่คอยปรุงแต่งกระตุ้นจิต เพื่อเสริมอยากได้ อยากมี อยากเป็น หรือไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น มันเป็นความอยากที่มีตัวอารมณ์ของตัณหา คอยดักบงการอยู่
ฉะนั้นเราต้องแบ่งสังเกตให้ชัด ในโลกของสองส่วนนี้ ส่วนภายนอกกับส่วนภายใน เราจึงจะรู้จักวิธีที่จะหลุดพ้นจากอารมณ์ได้ โดยการฝึกให้เราตื่นรู้ทีละขณะ ทีละขณะ ทีละขณะ กับอารมณ์ปัจจุบันเป็นหลัก แล้วก็แอบสังเกตศึกษาลักษณะของอารมณ์เหล่านั้นไปด้วย เมื่อศึกษาบ่อย ๆ สังเกตลักษณะบ่อย ๆ จะเห็นลักษณะของทุก ๆ อารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือเป็นภายในก็ตาม จะเกิดขึ้น เป็นทุกข์ เปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยง แตกสลายเมื่อหมดเหตุปัจจัย แตกสลายดับไปเป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลา หาสาระ หาที่ยึดเกาะ หาที่เหนี่ยวรั้งหาประโยชน์มิได้ เป็นของชั่วคราว เป็นเหมือนความฝัน เป็นเหมือนหยดน้ำ เป็นเหมือนฟองน้ำที่พร้อมที่จะแตกได้ตลอดเวลา ถ้าเราเรียนรู้เห็นโทษของมันอย่างชัดเจนแล้ว จิตใจเราก็จะจางคลายจากการยึดติดสิ่งเหล่านั้น
ฉะนั้นเราต้องมากระตุ้นตัวสติคือตัวระลึกรู้ทีละขณะ ตัวสมาธิคือตัวตั้งมั่น ตัวปัญญาคือตัวเรียนรู้อย่างมีอุเบกขา ไม่เอาผิดเอาถูก ไม่เอาดีเอาชั่ว รู้ตามที่เขาเป็น และก็ตัวความอดทน ฉะนั้นเราต้องใช้ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ที่เป็นฝ่ายกุศลและก็ปัญญา เอามาเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้เราได้รู้จัก
ฉะนั้นไปภาคของการที่จะฝึกฝืนที่เราจะดำเนินต่อไป จะเป็นภาคของการที่จะทำให้เราต้องใช้ขันติคือความอดทน เป็นตัวนำ กล้าเผชิญ กล้ายอมรับ กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าสลัดอุปนิสัยเดิม ๆ ของเรา เพื่อเราจะได้ก้าวข้ามกรงขังของอารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น และจะได้มีชีวิตที่มีความสุข ที่เป็นสันติสุข ไม่ต้องสุขเพราะความเร่าร้อนทุรนทุรายเหมือนแต่ก่อนเก่า ก็ขอให้พวกเรามีความมุ่งมั่นและความอดทนในการที่จะศึกษา เรื่องของอารมณ์ ประโยชน์ของการออกจากอารมณ์และวิธีที่เราจะออกจากอารมณ์ ตามแนวทางที่เราได้ประพฤติปฏิบัติมา เพื่อจะมีผลต่อชีวิตของเราตั้งแต่นี้จนวันตาย ด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ณ วัดแพร่แสงเทียน
ช่องทางอื่นๆในการรับสื่อธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Podcast : รู้ขณะเดียว
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.