Episodes
Friday Oct 04, 2019
เรียนรู้กายตามความจริง พอจ.กระสินธุ์ 021062AM
Friday Oct 04, 2019
Friday Oct 04, 2019
เรียนรู้กายตามความจริง
มันแปลกที่เราอาศัยกายอยู่
..แต่เราไม่เคยเข้ามารู้เรื่องกายเลย
น้อยครั้งที่จะกลับมารู้ร่างกาย
เพราะส่วนใหญ่จะไปรู้เกี่ยวกับความคิดและอารมณ์ ใจเราแบ่งแยกไม่ออก
ยังไม่มีปัญญาในการแบ่งแยก
ยังไม่รู้ว่าอันไหนเป็นเรื่องของร่างกาย
อันไหนเป็นเรื่องของจิตใจ
บางทีเอาเรื่องร่างกายมาเป็นเรื่องของจิตใจ
บางทีเอาเรื่องของจิตใจเป็นเรื่องของร่างกาย
มัน เลยปนกันไปมั่วแบ่งเขตแดนกันไม่ได้
ไม่มีภาวะของตัวรู้ หรือ รู้สึกตัว ที่สามารถแยกรูป แยกนามได้
ถ้าเราดูดีๆ มารู้ฟากฝั่งร่างกาย เป็นฟากฝั่งที่ ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรเลยทั้งสิ้น เป็นการรับรู้ตรงๆผัสสะตรงๆตามที่อาการนั้นเกิด
แต่ ถ้าเป็นผัสสะฟากฝั่งภายในที่เป็นเรื่องของจิตใจ มันต้องใช้ความคิด ตรรกะ คำนวน การคาดเดา คิดไปใน อดีต อนาคต ตลอด เข้าไปในอารมณ์มีสุขมีทุกข์มีฟุ้งซ่าน มีชอบไม่ชอบ มีเครียดเกิดขึ้น ทำให้ร่างกายเรามีปัญหา
ร่างกายของเราจะทำปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบๆตัวตลอดเวลา มันแสดงออกมาในรูปลักษณ์ของอาการต่างๆที่เห็นอยู่ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวปวด เดี๋ยวไข้ เดี๋ยวเบา เดี๋ยวหนัก เดี๋ยวอึดอัด เดี๋ยวโล่งโปร่งบ้าง เป็นปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบตัวที่มากระทบตลอด
ตัวร่างกายเป็นตัวรู้ล้วนๆถ้วนๆ
แต่สิ่งที่กระทบคือผัสสะ เป็นอาการ
ผัสสะอันนี้เป็นรูปอีกอันหนึ่ง
ร่างกายสร้างองค์ประกอบให้มี ตาหูจมูกลิ้นกาย ที่จะรับผัสสะของธาตุทั้ง 4 มันจะเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมันตลอด จะรู้ก็ตามหรือไม่รู้ก็ตาม จะยึดหรือไม่ยึด
อาการทั้งหลายก็จะรุมทึ้งร่างกายหรือก้อนทุกข์อันนี้ตลอดเวลา รับผัสสะเหล่านี้ตลอดจนวันตาย
ผู้รู้ และผู้ไม่รู้ต่างกันที่ ผู้รู้เขาวางเป็น..ยอมรับ อย่างศิโรราบไม่มีการดิ้นรนต่อสู้ ไม่มีการฝืน แต่มีการที่จะคอยดักสร้างเหตุให้มัน สร้างเหตุได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่เบื้องต้น จริงๆ ต้องหัดทำใจยอมรับมัน เวลามันเจ็บปวดเมื่อยให้ยอมรับมัน ให้ยอมรับความทุกข์ ไม่ใช่ไปเกลียดมัน เวลานั่งนานๆ มันก็ต้องมีการทุกข์บ้างให้ทำใจยอมรับ
ทั้งหมดเราต้องฝึกอะไร
เราต้องการฝึกแค่ความคุ้นชิน
เราคุ้นชินกับความคิดได้อย่างไร
เราก็ต้องหัดให้มันคุ้นชินกับความรู้ให้ได้อย่างนั้น
เราคุ้นชินกับความคิดมากี่ปีแล้ว เราก็ต้องฝึกกับความคุ้นชินกับตัวรู้ให้ได้อย่างนั้นแหละมันจึงจะได้ผล ทีนี้เราจะต้องคุ้นชินกับความรู้ เราต้องอาศัยสติแต่ตัวรู้ก็คือสติ สติจะขยันระลึก
สติ คือความระลึกได้ เป็นวิสังขาร
ก่อนจะระลึกได้ มันต้องหยุด.จำได้ก่อน
ก่อนจะจำได้มันต้องเกิดทีละสัญญาแปลว่าทีละขณะ
นี่คือตัวสติ
เราต้องหัดจำทีละขณะๆๆบ่อยๆก่อน
เมื่อหัดจำทีละขณะๆๆได้
อะไรกระทบมาก็รับรู้ไปรับรู้ไปทีละขณะ
จึงเป็นที่มาของการสร้างจังหวะทีละขณะ
คือลักษณะเดินจงกรม ทีละขณะ
ลักษณะการเคลื่อนไหวทีละขณะ
เห็นรูปทีละขณะ
ได้กลิ่นทีละขณะ
ได้ลิ้มรสทีละขณะ
แล้วมันจะเริ่มไม่แปลความหมาย
แต่จำลักษณะของอาการ เช่นได้ยินเสียง เมื่อก่อนจะแปลพรวดเดียวไปเลย จะไม่ลึกซึ้งกับการฟัง ถ้าเราฝึกดีๆจะฟังเพลงเพราะมากเลย โน้ตคีย์เสียงแต่ละตัวเสียง มันจะแยกแยกกันไปเลย มันเกิดขึ้นทีละขณะก่อน เหตุผลที่เกิดทีละขณะคือจะเกิดสัญญาในการจำลักษณะนั้นๆได้
เรียกว่าใช้สภาวะปรมัตถ์คือสภาวะรู้...เป็นตัวจำ..อันนี้สัตว์ใช้เยอะ...มนุษย์ใช้น้อย
อย่าง สุนัขใช้ลักษณะการจำกลิ่นว่ากลิ่นเป็นอย่างไรเขาจะแยกแยะกลิ่นได้ อันไหนกลิ่นอาหาร
อันไหนกลิ่นยาเสพติด กลิ่นเจ้านาย
มันจะจำลักษณะกลิ่นได้
ค้างคาวใช้ลักษณะจำเสียง
เสียงมากระทบปั๊บมันรู้ว่าอะไรเป็นผนัง
มันใช้คลื่นเสียงแยกแยะ ลักษณะของคลื่นเสียงอย่างปัจจุบันเรามีคลื่นเสียงเยอะแยะเช่นคลื่นโทรศัพท์รอบๆตัวเรามีแต่คลื่นทั้งนั้นเป็นคลื่นของเสียงมากระทบ
ธรรมะเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท วันที่ 2 ต.ค. 2562 ช่วงเช้า ณ วัดแพร่แสงเทียน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.