Episodes
Saturday Sep 26, 2020
เหมือนมีจริง แต่ไม่มีอยู่จริง พจ.กระสินธุ์ 020963
Saturday Sep 26, 2020
Saturday Sep 26, 2020
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 2 กันยายน 2563 ณ วัดแพร่แสงเทียน
ช่วงเวลา:
17:33 ความรู้สึก 3 แบบ
ตอนที่ 1️⃣ อาการจมเข้าไปในอารมณ์(vs)อาการตื่นออกจากอารมณ์
อาการจมเข้าไปในอารมณ์ เขาจะเริ่มเป็นของเขาอย่างนี้ 1. เขาจะพยายามสร้างภาพที่เป็นเบื้องหน้ากับภาพอดีตเข้ามา ประจำเลย อันนี้ให้ไปดู เวลาไปฝึก มันจะมีภาพซ้อนทันที ดูอะไรก็ไม่เห็นตรงนั้น เรียกว่า ความรู้สึกตัวที่มันจมไปในอดีต มันจมไปในอารมณ์
2. อีกอันหนึ่งคืออารมณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา มันจะยาว วนเวียน ป้วนเปี้ยน แล้วยาวเลย บางที เดินจงกรม 10 เที่ยว 20 เที่ยวยังไม่หลุดเลย มันจะยาว มันจะไม่สั้นและมันก็จะวนเวียน ๆ อยู่นั่นแหละ และก็ใช้ความคิดบ้างเหตุผลบ้าง สมทบเข้าไป เต็มไปหมดเลย ที่จะให้รู้สึกว่ายินดีกับมัน ร่วมอยู่กับมัน สำคัญมั่นหมายว่ามันมีอยู่จริงเลย เพราะหลายคนไม่ทันมัน เวลามันชวนกลับบ้าน ไม่ทันมัน ไม่ทันเหตุทันผลมัน ไปเลย เราเหมือนคนบุคคลสำคัญคนหนึ่ง สำคัญจริง ๆ เป็นจริง ๆ ใช่แล้วเขาขาดเราไม่ได้ เขาจะอยู่ไม่ได้ ที่ไหนได้ เขาไม่สนใจกับเราเลยสักอย่าง คิดเอาเองทั้งหมดเลย มันจะสำคัญหมดเลย แล้วมันจะตีสิ่งที่กำลังเป็นอยู่เสียหมดเลย นี่คือลักษณะของการจม ความรู้สึกตัวเรามันจมไปในความคิด จมไปในอารมณ์ เป็นอย่างนี้ ให้จำไว้
อาการตื่นออกจากอารมณ์ 1. อายตนะทั้ง 5 จะเริ่มชัดเจนขึ้นมาทันทีเลย ตา หู จมูก ลิ้น กาย รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่กระทบสัมผัสเราต่อหน้า ๆ จะชัดขึ้นทันทีเลย ถ้าเราหลุดออกมาได้ปุ๊บ จะเห็นเอง ถ้ามันออกมาอยู่ข้างนอก มันออกมานะ ออกมาฝั่งนี้ อายตนะจะชัด หลายคนเวลาเดินตรงนี้ เจอตรงนี้ปุ๊บ จะรู้สึกว่าทุกส่วนของร่างกายจะปรากฏชัดหมดเลย สัมผัสอาการเคลื่อนไหวได้ชัดเจนมาก เวลาเราเดินสัมผัสได้ เวลาแขนเรายกมันจะชัด หูได้ยินเสียง เสียงที่ไกล เสียงที่เป็นลักษณะของมัน จะชัด เสียงที่มากระทบกับหูทุก ๆ ขณะ มันจะชัด
2. ความรู้สึกในขณะหนึ่ง ๆ จะชัดขึ้นมาทันทีเลย ความรู้สึกตัวที่เป็นปัจจุบัน เป็นขณะหนึ่งสั้น ๆ สั้น ๆ นี่ จะชัด และอายตนะจะทำงาน มันทำงานอยู่แล้ว ไม่ใช่ไม่ทำงานนะ มันทำงานอยู่แล้ว แต่ภาวะของจิตที่มันจมเข้าไปข้างใน มันไม่ออกมารับรู้การทำงานของอายตนะที่ทำงานอยู่แล้ว รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เขาทำงานอยู่แล้ว และอายตนะตา หู จมูก ลิ้น กาย มันก็ทำงานอยู่ กายเป็นอยู่ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็น เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวปวด เดี๋ยวเมื่อย เดี๋ยวถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ เดี๋ยวเคลื่อนไหวไปมา เดี๋ยวนั่งนิ่ง ๆ เดี๋ยวกระพริบตา เดี๋ยวหายใจ พวกนี้มีหมดเลย
3. ปัจจุบันจะชัดเจนมาก เฉพาะหน้าจะชัดเจน คือ มันจะรู้สั้น ๆ ไม่ยาว ปัจจุบันนี่ คือรู้สั้น ๆ และรู้การไหลผ่าน ไปเห็นการไหลผ่านของอารมณ์ตลอด เป็นการไหล ตาเห็น หูได้ยิน เสียงจะชัดผัสสะต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวชัด เวลามันออกมาปั๊บ สังเกตดูต้นไม้ไม่เหมือนที่เราเคยดู เมื่อก่อนเราดูแล้วเบลอ ๆ เบลอ ๆ ไป ไม่ลงรายละเอียดได้ชัดเจน แต่พอมันออกมาปุ๊บ มันจะชัดเจนมากเลย ลงรายละเอียดได้ รูปลักษณ์ของมัน สีสันของมัน ลวดลายของมัน ขนาดของมัน บางครั้งเห็นจำนวนของมัน มากน้อยอะไร อันนี้คือภาวะที่ ความรู้สึกตัวที่มันออกมา จะชัด แล้วมันจะรู้สึกแบบสั้น ๆ ไม่ยาว เขาเรียกว่า ถ้าจิต(ความรู้สึกตัว)มันออกมา ปัจจุบันจะชัด
4. จะตรงกันข้ามกับเข้าไป การเข้าไป อดีตและอนาคตจะชัด แต่พอออกมาแล้ว ปัจจุบันจะชัด เรื่องเฉพาะหน้าจะชัดมากเลย แล้วจะเห็นแค่ทุกอย่างเป็นแค่ขณะหนึ่ง ๆ ขณะหนึ่ง และการไหลผ่านของอารมณ์จะชัด มาวูบมา ไปแล้ว วูบมา ไปแล้ว ไม่ทันคิดด้วยซ้ำไป ยังไม่ทันคิด ยังไม่ทันให้ชื่อให้เสียงให้นาม มันดับแล้ว มันดับแล้ว การกระทบของปัจจุบัน จะชัดขึ้น เวลาใครเดินจงกรมไปแล้วรู้สึกถึงว่า รับรู้เสียงได้ดีขึ้น ตาใสขึ้น รับรู้ร่างกายทั้งหมด เห็นอวัยวะได้ รู้สึกถึงการ มันจะคัน มันจะกระเพื่อม อะไร เลือดลมจะเดิน เลือดลมจะฉีด อันนี้เขาเรียกภาวะของการรับรู้ปัจจุบันมันชัด ความรู้สึกมันออกมาจากความคิดนึกแล้ว ออกมาเห็นแล้ว เพราะว่าปัจจุบันจริง ๆ ไม่ต้องใช้การคิดนึกเลย การคิดนึกไม่จำเป็นกับมันเลย และการทำอะไรก็ตาม ไม่จำเป็นกับมันเลย ในปัจจุบัน มันจะชัดเจน ไม่ต้องจำเป็นจะต้องทำอะไรเลย มันจะปรากฏของมัน ตามที่มันเป็น มันทำของมันเองหมดเลย มันจะเห็นชัด 😮😇
ตอนที่ 2️⃣ ปัจจุบันคือการไหลผ่าน
บางครั้ง บางคน รู้สึกโล่ง โปร่งสบาย ก็ไปกอดมันอีก คืออยากให้ความสบายนั้นเกิดขึ้น ก็จมไปกับมันอีก ถ้าจมมันจะวกเข้าไปสู่การเข้าไปในอดีต อนาคต ทั้งที่มันไหลผ่านไปแล้ว มันจบไปแล้ว เราก็จะพยายามไปทำให้มันเกิดขึ้นอีก นี่เขาเรียกเข้าไปข้างใน พลาดอีก❗️ จมเป็นอดีต เพราะปัจจุบันคือการกำลังไหลผ่าน เรื่องอนาคตกำลังไหลผ่านไปสู่เรื่องอดีต ไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก แม้บางครั้งเราเจอภาวะที่เบา โล่ง โปร่ง สบาย แต่พอความโล่ง โปร่ง เบาสบายนั้นหายไป เราก็ อยากให้มันโล่ง โปร่ง เบาสบายอีก เราก็จะไปสร้างจินตนาการให้มันได้อีก มันไว นี่จมเข้าไปข้างในอีกแล้ว❗️ลืม ❗️ลืมภาวะของการรู้ปัจจุบัน
ครูบาอาจารย์จะพยายามเน้นเรื่อง ให้รู้สึกกับอารมณ์ปัจจุบัน อยู่กับปัจจุบัน ให้เท่าทันการกระทบ ถ้าออกจากความคิด มันจะเท่าทันการกระทบ อะไรมากระทบปุ๊บ จะรู้ทันทีหรืออีกนัยหนึ่งคือเซ็นเซอร์ไว เซ็นเซอร์ดี เช่น เวลาฝนตกลงมา เม็ดฝนกระทบกับร่างกาย มันจะรู้ทุกเม็ดเลย เซ็นเซอร์ดี อะไรมาถูกตัวนิด ๆ หน่อย ๆ ก็รู้ บางคนนอนไม่ค่อยหลับ มันตื่น เพราะเซ็นเชอร์ดี มดไต่นิดเดียวก็รู้แล้ว แมลงมาไต่นิดเดียว รู้แล้ว อะไรมาเกาะ นิดหนึ่ง ก็รู้แล้ว บางทีนะ เดินจงกรมอยู่ดี ๆ สร้างจังหวะอยู่ดี ๆ ยุงบินมาวิ้งๆ รู้แล้ว “‼️แต่รู้แล้ว บางทีไปโมโหมัน ก็จมไปอีก‼️”
ฉะนั้นต้องจับหลักดี ๆ ว่า ตัวรู้ที่มันออกจากอารมณ์ เรื่องเฉพาะหน้าจะชัด ตา หู จมูก ลิ้น กาย จะเริ่มชัดเจนขึ้น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสจะชัดเจนขึ้น แล้วมันจะรู้แบบสั้น ๆ ขณะเดียว ๆ เป็นหลัก ปัจจุบันจะชัดมาก เราจะเห็นการไหลผ่านของปัจจุบัน
บางทีมันเจ็บนี่ มันเจ็บ เจ็บชัดเจนจริง ๆ นะ แต่ว่ามันเป็นแค่กายเฉย ๆ ถ้าใจเราไม่รู้เรื่อง ก็เข้าไปร่วมด้วยจะขยายผล เมื่อกายมันเป็นแค่นี้ ถ้าจังหวะนี้ ให้พวกเราพยายามมาอิงปัจจุบันไว้ก่อน เพื่อพาจิตมันออกก่อน เพราะมนุษย์ทุกคนที่ไม่ได้ฝึกฝน หรือที่ฝึกแล้วยังไม่ได้ผล มันจะจมไปกับเรื่องพวกนี้ เพราะมันจมจนเคยชิน จมจนเป็นร่องลึกของใจ เวลาอะไรเกิดขึ้นมาปุ๊บ เห็นปั๊บ คิดปุ๊บ เห็นปั๊บ คิดปุ๊บ ไม่แค่เห็น แต่ถ้าปัจจุบันมันชัด มันจะแค่เห็นว่า ‼️สิ่งนี้มากระทบกับเราแล้ว มากระทบกับเราแล้ว‼️
ตอนที่ 3️⃣ ภาวะของการหลุดพ้น พ้นจากการเข้าไปข้างใน พ้นจากการยึดข้างนอก
🌷อีกฟากฝั่งหนึ่งที่ต้องฝึกฝน ที่จะพัฒนาภาวะของการตื่นรู้ของเราให้มันเข้มแข็งขึ้น ถ้าเรามัวแต่ตื่นอยู่แต่แบบเดิม แบบจมไปในอารมณ์เก่า ๆ มันได้ประโยชน์น้อย ได้อยู่นะ เพราะว่าสักพักหนึ่งมันก็จะหายไป เราก็ขวนขวายมาใหม่ หายไป ขวนขวายมาใหม่ ไม่เหมือนกับคนที่ไม่ปฏิบัติ
🌷คนที่ไม่ปฏิบัติจมแล้วจมเลย จมแล้วจมอีก โดนกระทืบช้ำแล้วช้ำเล่า ด้วยความคิดและอารมณ์ของตัวเอง ย้ำคิดย้ำทำ จนกระทั่งสมองไม่ตื่นโดนจนกระทั่งสติปัญญาหายหมด เพี้ยนไปเลย คนที่เพี้ยน ๆ สังเกตดู จะเป็นอย่างนี้ คือละเมอเพ้อพกไปกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ที่ตัวเองต้องสูญเสีย เพ้อเจ้อกับเรื่องเก่า ๆ ย้ำคิดย้ำทำอยู่นั่นแหละ รุมเร้า จนใจนี่ฟิวส์ขาดเลยนะ ‼️ ไม่กลับมาเรียนรู้ตัวเอง มันไม่ตื่นอยู่กับเฉพาะหน้า ที่นั่งอยู่ มันก็ไม่รู้ ‼️
🌷แต่พอเราฝึกแล้ว เราฝึกให้จิตคุ้นชินการรู้สั้น ๆ คุ้นชินการรู้เฉพาะหน้า คุ้นชินกับการทำงานของอายตนะทั้งหมดเลย นี่ก็ทำให้ตื่นออกมา
🚩ส่วนอีกอันหนึ่งคือ ตัวรู้สึกที่มันหลุดพ้นมาจากการครอบงำของอารมณ์จริง ๆ ตัวรู้ที่มันหลุดออกมาจากภาวะพวกนี้ มันเป็นอย่างไร ❓ 📌มันจะไม่เข้าไปทั้ง 2 ส่วน แต่เห็นด้วยกันทั้งคู่📌เห็นทั้งฝ่ายฝั่งนอกและฝั่งใน เรียกว่าเห็นรูปและนามกำลังทำงาน🚩
👉เพราะบางครั้งเราเห็นว่าทางนี้ดี เราก็พยามยามจะประคองอยู่กับทางนี้ ฝึกอยู่กับทางนี้ พยายามอยู่กับทางนี้ ก็ไปจมอีก จนบางครั้งไปเพ่ง ไปจ้อง ไปบังคับ เลยไปอีก 👉หรืออีกอันหนึ่ง ก็เข้าไปประคองทางนั้น อยู่กับทางนั้น ก็ผิดอีก 👉มันยังไม่ใช่ตัวภาวะของตัวรู้สึกตัว ที่มันอิสระจริง‼️
👉ความพอดี ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นกันได้ง่าย ๆ 👉แต่การจะรู้ความพอดีคือ รู้ความสุดโต่งของทั้ง 2 ข้างเมื่อไหร่ จะเจอภาวะของความพอดีทันที 👉เพราะว่ามันตึงเกินไป จนกระทั่งบางครั้งร่างกายเกิดปฏิกิริยาเกิดขึ้น เครียดบ้าง มึนบ้าง ทื่อบ้าง ชึมบ้าง ไม่ตื่น ไม่เบิกบาน
🚩ถ้าเป็นภาวะของตัวรู้สึกตัวที่ตื่นขึ้นมา ที่มันหลุดออกมาจากภาวะทั้ง 2 ข้าง มันรู้ได้ทั้ง 2 ข้าง จะเห็นทั้ง 2 ข้างเลยว่า 👀เวลาตาเห็นปุ๊บ แล้วมันจะคิดปรุงแต่งอะไร ก็แค่ตาเห็นแค่นี้ มันคิดแค่นี้ มันจะเริ่มเห็นการทำงานกันทั้ง 2 ส่วนเลย📌 👉ตา 👁หู 🦻🏿จมูก 👃ลิ้น 💋กาย 🧘รูป เสียง กลิ่น รส มาสัมผัส มากระทบในปัจจุบันปุ๊บ และข้างใน❤️มันปรุงแต่งอะไร 👉บางครั้งตาเห็นแค่หน้าคนนี้ ไม่ชอบขี้หน้า เห็นปุ๊บ มันจะคิดเลย คิดเรื่องไม่ชอบขึ้นมาเต็มไปหมดเลย บางทีคนๆนั้น ไม่ใช่คนๆนั้นด้วยซ้ำไป แต่หน้าเขาเสมือนคนๆนั้น แต่เรารู้สึกทันทีว่า ปรุงแต่งความไม่ชอบขึ้นมาในใจโดยเราไม่รู้ตัว แต่ถ้าสภาวะของตัวรู้มันขึ้นมาปุ๊บ มันจะเห็นเลย
📌ให้สังเกตง่าย ๆ ตัวรู้ที่มันจะหลุดออกมาจากอารมณ์ทั้ง 2 อย่าง มันจะเห็นการทำงานของอายตนะ เห็นการทำงานของขันธ์ เห็นการทำงานของรูปและนามทั้งหมด 📌มันจะเริ่มเห็นการทำงานของมัน อ๋อ ❗️มันทำงานกันอย่างนี้เอง มันไม่ได้ไปดิ่งไปสู่ความสงบ มันจะสงบก็ได้ ไม่สงบก็ได้ แต่ภาวะตัวนี้ มันจะเห็นลักษณะของความสงบเป็นอย่างนี้ เห็นหมดเลย ความง่วงเป็นอย่างนี้ มันจะเห็นลักษณะของอารมณ์ เวลาตัวรู้มันหลุดออกมาเป็นผู้รู้ ผู้ดู จริง ๆ น่ะ มันจะเริ่มเห็นลักษณะของแต่ละสิ่งอย่างเช่นภายนอก (ear)หูก็จะเห็นลักษณะของเสียงแต่ละเสียง ที่มากระทบกับหู มีลักษณะอย่างไร แต่มันไม่เข้าไปร่วมเพราะมันจะเห็นลักษณะของมัน 👀ตาก็จะเห็นลักษณะของรูปแต่ละรูป เข้ามากระทบกับตัวเองเป็นอย่างไร 👃จมูกก็จะเห็นลักษณะของกลิ่นแต่ละกลิ่นเข้ามาทำงานกันอย่างไร 👅ลิ้นก็เห็นลักษณะของรสแต่ละรส ที่จะเข้ามากระทบกับลิ้นอย่างไร 🧘กายก็เห็นลักษณะของอาการที่มากระทบกับร่างกาย 🚩มันจะเริ่มเป็นสัดส่วนของมันที่เป็นอิสระ ดูลักษณะของมันไปเรื่อย ๆ ❤️ส่วนความคิดและอารมณ์ต่าง ๆ ก็จะเห็นลักษณะของอารมณ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น ๆ มันจะมาแบบไหน มันจะรู้แบบนั้น 📌ภาวะของตัวรู้ที่มันหลุด มันจะซื่อๆใสๆตรงๆไม่มีการแทรกแซง ไม่มีการพยายาม มันรู้อย่างอิสระ มันจะไม่ทำอะไรเลย มันจะเห็นชัด ว่า ภาวะของตัวรู้สึกตัวที่หลุดพ้นจากอารมณ์คือ ไม่ได้ทำงานอะไร แต่เห็นทั้ง 2 ส่วน 👉ธาตุและขันธ์เขาทำงานกัน ธาตุ 4 เขาก็ปรุงแต่งรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ให้เสมือนมีอยู่จริง แต่ผลสุดท้ายมันก็ไม่มีอยู่
👉ส่วนขันธ์ 5 เขาปรุงเรื่องนาม❤️ เอาเวทนา เอาสัญญา เอาสังขารมาปรุงเป็นเรื่องราว เหมือนมีอยู่จริง เสมือนมีอยู่จริง แต่ไม่ได้มีอยู่จริง เพราะมันอาศัยการประกอบแล้วมันก็สลายตัวไปบ่อย ๆ
ภาวะของรู้สึกตัวก็จะเริ่มชำนาญขึ้น เมื่อมาอยู่ตรงจุดนี้ เริ่มชำนาญขึ้น เริ่มเป็นอิสระขึ้น แล้วเขาจะเบา เบาด้วยตัวของเขาเอง และเขาก็จะสบาย สบายด้วยตัวเขาเอง คือสบาย เขาไม่ได้ทำ เขาไม่ได้ทำอะไรเลย เขาเห็นการกระทำของทั้ง 2 สิ่งนี้ อยู่ตลอดเวลา บางครั้งเขาไม่อยากรับรู้อะไร ก็ปล่อยผ่านๆ แต่การผ่านของเขา ใจเขาจะไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไร (แต่ถ้าปล่อยแล้ว มันยังสะดุ้งสะเทือนอยู่ ยังปล่อยไม่เป็น ) มันจะเปิดใจกว้าง ๆ ยอมรับ ยอมรับทุกเรื่อง อะไรจะเกิด เกิดมาเลย อะไรจะเป็น เป็นมาเลย เขาไม่ได้มีสิทธิ์ และเขารู้สึกว่าเขาไม่มีอำนาจในการทำอะไรกับพวกนี้เลย การปรุงแต่งภายในก็ยังมีอยู่ การปรุงแต่งภายนอกก็ยังมีอยู่ 👉เขาแค่รู้การทำงานของมัน คือ ความรู้สึกว่าเราเป็น เราได้ เรามี เราเสีย เรามันจะหายไป 👉ความรู้สึกว่าเรา มันจะหายไป แต่มีความเคารพ อ่อนโยนกับทุกสิ่ง เขาจะเกิดแบบไหนก็ได้ เพราะเขามีสิทธิ์ เขามีสิทธิ์เป็นของเขาและจะเห็นว่า ทุกอย่าง เขาจะบีบคั้นตัวเขาเองทั้งหมด เขาจะนั่งดูเฉย ๆ เราจะทำอะไร เราก็ทำไป แต่ในใจเรา มันจะไม่จมไป ซ้ายขวา ๆ เห็นชัดนี่ ภาวะของการรู้สึกตัวนี่ มันประคองตัวเองสู่การหลุดพ้น มันเห็นการทำงานของมันทั้งหมด😇
หมายเหตุ ถอดเสียง : ณิชญา ดำรงวงศ์สกุล เรียบเรียง: ทัศนีย์ สุวานิชวงศ์
ช่องทางอื่นๆในการรับสื่อธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Podcast : รู้ขณะเดียว
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
Comments (0)
To leave or reply to comments, please download free Podbean or
No Comments
To leave or reply to comments,
please download free Podbean App.