Episodes
Friday Dec 27, 2019
Q&A : รู้สึกตื่นเต้น พอจ.กระสินธุ์ 301162
Friday Dec 27, 2019
Friday Dec 27, 2019
อบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Tuesday Dec 24, 2019
Q&A : รู้ยังไงไม่เข้าไปในอารมณ์ พอจ.กระสินธุ์ 301162
Tuesday Dec 24, 2019
Tuesday Dec 24, 2019
Q : ที่เรารู้ว่าตอนไหนเรามีอารมณ์โลภ โกรธ หลง ตอนไหนเรามีความสุข คือเรามีอารมณ์ 2 อย่าง แต่ว่าเราเอาตัวเองออกมาค่ะ เพื่อมาดูมัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปจัดการ หรือว่าไปยึดติดกับอารมณ์นั้นทั้ง 2 อย่าง
A : สังเกตดูนะ เวลามีอารมณ์เกิดขึ้น
เวลาเราจมเข้าไปในอารมณ์
เช่น ตัวอย่างอารมณ์ฝ่ายลบก่อนนะ
มันโกรธ เกิดขึ้นมาปุ๊บ.. เราโกรธ
พอมีอารมณ์โกรธเกิดขึ้นมาปั๊บ นี่คืออารมณ์นะ แล้วเราก็รู้แล้ว
การรู้นี้ถ้าเราไม่มี เราก็จะจมไปกับในอารมณ์โกรธ
พอจมไปในอารมณ์โกรธปุ๊บ
มันจะเกิดพฤติกรรม 3 ประการ
คือกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทำตามอารมณ์นั้น
อันนี้เค้าเรียกว่าจมไปเสร็จเรียบร้อยแล้วนะ
แล้วสิ่งที่เราหายไปคือ การรู้เนื้อรู้ตัวจะหายไปหมดเลย
อันนี้เค้าเรียกว่าเข้าไปล่ะ
ในทางกลับกัน ในทางอารมณ์บวกก็เหมือนกัน
เมื่อมีอารมณ์มีความสุขก็เหมือนกัน ก็จะเข้าไปแบบเดียวกัน
แล้วก็ลืม ลืมตัวนี้หมดเลย
ตัวรู้ก็เริ่มเอียงเข้าไป เอียงเข้าไปในภายใน
ทั้งอารมณ์โกรธ และอารมณ์มีความสุข .. มันจะลืมตัว
ทีนี้เวลาเราฝึกแล้วนะ เราสามารถรู้ทั้ง 2 อารมณ์ได้ทันที
เช่น เวลามันโกรธน่ะ พอเราเข้าไปมากๆ ถึงที่สุดแล้วมันหายมั้ย
พอถึงที่สุดแล้ว พอทำตาม ถึงที่สุดแล้วมันก็หาย
ถึงเราไม่ทำตาม ที่สุดมันก็หาย
เวลาเราชอบใจเหมือนกัน
เมื่อทำตามมันดื้อๆ แล้วมันหายมั้ย
มันก็หาย ถึงเราไม่ทำตามมัน ถึงเวลามันหมดปัจจัยมันก็จะหาย
อันนี้เราจึงพยายามที่จะรักษาความรู้สึกตัวที่ไม่สมควรเข้าไปหา
กับสิ่งที่มันไม่แน่นอน สิ่งที่ไม่ถาวร สิ่งที่ไม่เที่ยงแท้
ถามจริงๆ ใจเราน่ะ อะไรที่ไม่แน่นอน.. เราจะเอามั้ย
แต่ที่เอาทุกวันนี้ เพราะมันไม่รู้ว่า 'มันไม่แน่นอน'
... ผลสุดท้ายมันจะมีความสุขชนิดหนึ่ง
มันเป็นความสุขที่ ไม่ใช่ว่าฉันได้อะไรถูกใจแล้วมีความสุข
ไม่ใช่แบบประเภทนั้นนะ
แต่เป็นความสุขแบบเย็นๆ สบายๆ แบบเหมือนตอนนี้
ตอนนี้ เราไม่มีอะไรชอบใจเกินไปนะ แล้วไม่มีอะไรที่ชังเกินไปนะ
แล้วใจเราก็อยู่แบบสบายๆ เย็นๆ สบายๆ ง่ายๆ
ไม่ต้องดิ้นรนพยายามอะไรเลย
แต่ตรงนี้เราไม่ค่อยคุ้นชิน
ถ้าเห็นมันบ่อยๆ...
ความสุขชนิดนี้เป็นความสุขที่อิสระจากการที่ถูกสิ่งนี้เข้าครอบงำ
เพราะฉะนั้นเวลาถูกสิ่งนี้เข้าครอบงำเราจะเห็นว่า
ฟากฝั่งนี้(ภายนอก) เราหายไป.. เราก็เติม
การรู้ฟากฝั่งนี้(ภายนอก) เพื่อดึงให้ใจเราออกมา
... หัดออกมาก่อน
เพราะฟากฝั่งนี้นะ ที่มันเกิดขึ้นทางฟากฝั่งของรูป
มันจะเป็นอารมณ์ปัจจุบันเป็นหลัก แล้วจะทุกข์ตลอด
แล้วเราไม่สามารถที่ว่ามันจะเกิดแค่ แว้บเดียวหาย ไม่อยู่นานเลย
แต่ข้างนี้(ภายใน) บางทีมันปรุงอยู่ได้นาน แต่เดี๋ยวมันก็หาย
...ข้างนี้(ภายนอก) มันแค่ ได้ยินเสียง มันแค่แวบเดียวนะ ดับไปล่ะ
เพื่อให้จิตมันได้ซึมซับภาวะจริงของโลก
ฟากฝั่งตรงนี้(ภายนอก)ให้มากขึ้น แล้วมันจะไปเห็นฟากฝั่ง(ภายใน) ด้วย
ทีนี้พอมันเข้าใจตรงนี้นะ มันจะวางทั้ง 2 อย่าง แต่อยู่กับทั้ง 2 อย่าง
เพราะ 2 อย่างนี้เราไม่มีสิทธิที่จะไปทำอะไรมัน แต่เราวางมันได้
ทีนี้เวลาเราจะใช้นะ เราอยากจะมีความสุขแบบนั้นก็ได้
ความสุข แบบนั้นน่ะ มันไม่เหมือนกับความสุขแบบอิสระหรอก
มันก็แค่ไปเล่นๆสักพักหนึ่งก็กลับ มันไม่ได้ไปซีเรียสจริงจัง
เอาเป็นเอาตาย เหมือนเมื่อก่อนนะ
แค่เห็นๆ และอ้อ นี่ความสุขนะ
ก็สนุกกับมันสักพักหนึ่งแล้วเดี๋ยวมันก็กลับ
มันรู้จักที่กลับ รู้จักที่อยู่
เพราะตัวภาวะของตัวรู้นี่นะ มันทำให้เกิดการได้เรียนรู้
และเข้าใจโลกใบนี้ตามที่มันเป็นจริงๆ
ถ้าคุณอยากจะรู้ว่าอิสระ เป็นยังไง
คุณลองเอาโซ่ล่ามขาคุณไว้กับเสาดูสิ
วิ่งรอบเสาอยู่นั่นเป็นยังไง
กับถอดโซ่ออกจากขาได้แล้วมันเป็นยังไง
แล้วมันมีความสุขแบบไหน อยากรู้ลองไปทำดูนะ
ลองเอาจิตไปผูกกับอารมณ์นานๆเข้า...มันเป็นยังไง
แล้วจิตมันหลุดจากอารมณ์ โดยไม่ต้องโดนอารมณ์มันผูก...มันเป็นยังไง
มันจะเป็นความสุขแบบสบายๆ แบบง่ายๆ
เหนือจินตนาการที่เราคิดถึงมัน
เพราะสิ่งนี้ไม่ต้องจินตนาการ ให้ใช้ใจสัมผัส จินตนาการเข้าไม่ถึง
เพราะจินตนาการใดๆก็ตาม คือ ความที่มันผิดเพี้ยน
คอร์สอบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Monday Dec 23, 2019
Q&A : ธรรมะจัดสรรจริงหรือ พอจ.กระสินธุ์ 301162
Monday Dec 23, 2019
Monday Dec 23, 2019
Q : แม่จะบอกประมาณว่า ธรรมะจะจัดสรรให้ลูกเอง อะไรประมาณนี้ ไม่ว่าเรื่องที่มันเกิดขึ้น จะดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่มันก็คือ เป็นสิ่งที่เค้าจัดสรรมาให้เราแล้ว ...
A : ธรรมะจัดสรร หรือว่าเราจัดสรรให้ธรรมะเกิด
ธรรมะเค้าอยู่อย่างนั้น
ถ้าเราไม่ทำล่ะ มันจะเกิดมั้ย
ดูสิ คำสอนพระพุทธเจ้าดีจะตาย
แล้วไม่มีคนทำตามเลย แล้วมันเกิดมั้ย
...เกิดแต่เรื่องพินาศฉิบหายหมดเลย
ฉะนั้นเข้าใจคำว่าธรรมะจัดสรรนี้ให้ดี
คำว่าธรรมะจัดสรรนี่คือ
เราจัดสรรชีวิตเราให้เดินตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ธรรมะจึงจะเกิดกับเรา
ไม่ใช่ นั่งแล้วเดี๋ยวธรรมะจะจัดสรรเกิดขึ้นเอง
.. มันเป็นไปไม่ได้
คำว่า ธรรมะจัดสรร นี้ตลกมาก
มีโยมคนหนึ่งนะ..ฉันขับรถไปปุ๊บ..พอดีเลย
พอไปทีไรแล้ว มันมีที่ว่างสำหรับให้รถจอดทุกทีเลย
..ธรรมะจัดสรร..
ใช้กันมั่วไปหมด อะไรนักไม่รู้ โน่นนี่นั่น
ถ้าธรรมะจัดสรรคือ เราจัดสรรตัวเองเข้าหาธรรมะ
เพราะว่าธรรมะเค้ามีเส้นทางของเค้าอยู่แล้ว
คุณเดินตาม เส้นทางนี้นะ จะไปเจอแบบนี้นะ
นี่เค้าเรียกว่า ธรรมะจัดสรร
... เหมือนแม่เรา จัดสรรตัวเองเข้าเดินเส้นทางนี้
นี่ก็เจอเรื่องแบบนี้
แต่ถ้าคนไหน ไม่จัดสรรตัวเองเดินทางนี้นะ
จนตายก็ไม่เจอ จะบอกให้
อย่าไปพูดมั่วนะ
ธรรมะจัดสรรแบบ .. มีที่ว่างให้รถจอดนี่นะ
หรือไปที่นี่ พอดีเจอคนนี้พอดี
..โอยอย่าไปใช้มั่วนะ คำพูดนี้
เราจัดสรรตัวเองให้เดินตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วเส้นทางนั้นน่ะ มันจะเจอเรื่องแบบนี้ทั้งหมด
เพราะนี่คือเส้นทางที่มีอยู่แล้ว เพียงแต่เราเดินตาม
ไม่ใช่ให้สิ่งนั้นมาเดินตามเรา ทั้งๆที่เราไม่เดินตามเขา
มันเป็นไปไม่ได้ ธรรมะจัดสรรแบบนี้
คอร์สอบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Sunday Dec 22, 2019
Q&A : ชวนคนทำบุญ พอจ.กระสินธุ์ 301162
Sunday Dec 22, 2019
Sunday Dec 22, 2019
Q : ถ้าเราไปชวนคนอื่นทำบุญ หรือว่าปฏิบัติธรรม แต่ว่าเค้าปฏิเสธ หรืออาจจะพูดไม่ดี เหมือนเราเป็นการนำบาปไปให้ด้วยมั้ยคะ
A : แค่คิดเค้าก็เป็นบาปแล้วล่ะ
เพราะความคิดเค้าเรียกว่ามโนกรรม
นั่นคือการปิดกั้นตัวเองที่จะศึกษาเรื่องดีๆ
ไม่ได้เกี่ยวกับเราที่เค้าจะเป็นบาปหรือไม่เป็นบาปนะ
เราน่ะ นำเสนอส่วนดีให้เขา
แต่เขาไม่รับก็เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา
แต่มันตรงกันข้ามว่า เรานำเสนอ .. เรากลับโมโห
ทำไมไม่เอาของเรา อันนี้เราจะเป็นบาปต่อ
ทีแรกเราเป็นบุญ พอคิด “เอ้าทำไมคิดอย่างนี้”
นั่นเราเริ่มล่ะ .. เริ่มจะเป็นบาป
อันนั้นคือความคิดที่ปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมเปิด
หรือเขาอาจจะได้รับข้อมูล รับข่าวสาร รับอะไรต่างๆในแง่ลบ
เช่น “เอ้ามัวแต่ไปวัดทำไม ดูพระสงฆ์องค์เจ้า ไม่เห็นได้เรื่องเลย
...อยู่วัดแล้ว ดูมีข่าวคราว นู่นนี่นั่น”
แต่พระดีๆเขาก็ไม่เคยสน พอเค้าคิดอย่างนี้
เราสังเกตดูสิเพื่อนเราน่ะ
ระหว่างมาปฏิบัติธรรมกับกลับบ้าน เลือกอันไหนมากกว่ากัน
ใช่มั้ย เวลาเราจะทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
ความคิดที่ปิดกั้นไม่ให้เราทำ.. อันนี้ มันจะเป็นอันหนึ่งอยู่
คำว่าบาปนี่ แค่เชื่อความคิดแล้วไป ...
บาปมี .. กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
มโนกรรม เชื่อความคิดชนิดนั้น
กายกรรม ก็เลยสนองตอบ
วจีกรรม ก็เลยออกมาสนองตอบต่อ
นี่มันก็เลยครบกรรมทั้ง 3 เป็นประมาณนี้
ในกรณีที่เราไปชวนคนอื่นเค้า
เราต้องทำใจให้ดีที่สุดเลยว่า
เราบอกเรื่องดีๆ แต่เค้าไม่รับเรื่องดี
นั่นเป็นเรื่องของเขา สิทธิของเขา
เขาจะเอาหรือไม่เอานั่นมันเรื่องของเขา
แล้วเค้าตอบมาให้เราตรงกันข้ามในแง่ลบ ต่างๆนี่
อันนี้เป็นสิทธิของเรา ที่เราจะเอาสิ่งนั้นมา หรือไม่เอาสิ่งนั้นมา
ทีนี้เราจะทำยังไง เมื่อเราต้องเข้มแข็งพอ
มีสติให้ดี มีภาวะของตัวรู้เนี่ย
รู้อารมณ์ให้ทัน แล้วอย่าเอาใจเข้าไปกับมัน
ปล่อยใจให้เป็นกลางๆ
ยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้
คอร์สอบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Saturday Dec 21, 2019
Q&A : ฉลาดภาวนา ฉลาดใช้ชีวิต พม.ราเชน 301162
Saturday Dec 21, 2019
Saturday Dec 21, 2019
ตอนเราภาวนา วางใจแห่งการศึกษา กระบวนการภาวนาภายใน เราจะต้องลดการให้ค่า เพราะการให้ค่าคือการมีคำตอบ เราจะมีหมุดหมายของคำตอบ ของผลผลิตที่เราต้องการล่วงหน้า
กระบวนการศึกษาภายในกาย ในใจเรา เราจะต้องลดคำตอบล่วงหน้าเอาไว้ แล้วปล่อยให้เหตุการณ์จริงค่อยๆเป็นบทเรียนขึ้นมา เราจึงต้องวาง.. ทั้งกุศล และอกุศล เอาไว้เบื้องหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือศึกษา ที่เรียกว่าอุเบกขา
เราจึงปล่อยให้ทั้งความคิดดี และความคิดไม่ดี เขามีโอกาสได้แสดงพฤติกรรมของเขา เพราะเราจะเรียนรู้ และถอดบทเรียนจากพฤติกรรมของเขา ทั้ง 2 ฟาก เพื่อไปสู่กระบวนการศึกษาที่เรียกว่า เจริญสติวิปัสสนา
แต่ทีนี้ในกระบวนการของการใช้งาน ก็จะเป็นอีกแบบนึงนะ ... อกุศลเพียบเลย มันพร้อมให้เราใช้งาน แต่ดอกเบี้ยมันสูงนะ เราใช้งานอกุศล คิดไม่ดีสักครั้งหนึ่งเนี่ย คิดวางแผนที่จะหงุดหงิดกับเพื่อนน่ะ สังเกตมั้ย มันจะวางแผนสารพัดเลยนะ วิธีการที่จะเอาคืน แบบเขาไม่รู้ตัวก็มี แบบที่เราเอาคืนเค้าเสร็จ แล้วเราดูเป็นนางเอกก็มีนะ นี่คือชุดอกุศล มันจะแยบคายมาก แล้วมันจะพร้อมให้เราใช้งานมันตลอด เราจึงละอกุศลให้เป็น เพราะดอกเบี้ยมันสูง
แต่ชุดของกุศล... บางครั้งเราคิดดี แล้วทำให้เรามีฉันทะ ทำให้เรารู้สึก อื๊ม มีกำลังใจที่จะลุกขึ้นไปทำ เมื่อใดที่เราต้องการใช้งาน .. เราจึงต้องมีฉันทะ
ฉันทะ คือ ผลผลิตของการที่เราคิดถึงด้านคุณงามความดี คิดถึงด้านการเสียสละ คิดถึงด้านผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ในการเสียสละสิ่งเหล่านี้ ใจเราก็จะมีกำลังฮึกเหิม ในการที่จะขึ้นมาทำคุณงามความดี ต่อโลกมนุษย์ ในขณะที่เราดำเนินชีวิต สิ่งที่ต้องเติมให้เยอะคือ เจริญกุศล เพราะกุศลเป็นชื่อของความฉลาด กุศล มันมาจาก กุศละ ที่แปลว่า ฉลาด ความฉลาดในการใช้ชีวิต ความฉลาดในอารมณ์ ความฉลาดในการเลือกใช้ธรรมชาติภายใน คือกุศล ... ละอกุศล เจริญกุศล สิ่งนี้ควรทำให้เยอะ ...
ธรรมเทศนาโดย พระมหาราเชน สุทธจิตโต
คอร์สอบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Friday Dec 20, 2019
Q&A : อานิสงส์ของภาวนา พอจ.กระสินธุ์ 301162
Friday Dec 20, 2019
Friday Dec 20, 2019
Q : ภาวนาได้อานิสงส์อย่างไร ...เวลาที่เรามาปฏิบัติธรรมไม่เห็นว่าจะสร้างคุณประโยชน์ให้ใครเลย เหมือนกับว่าเราทำเพื่อตัวเราเอง ...
A : ดูพระพุทธเจ้าสิ
พระพุทธเจ้าท่านทำ ท่านได้ประโยชน์จากตัวเองใช่มั้ย
แต่ผลสุดท้ายท่านเอาประโยชน์ทั้งหมด.. มาแผ่ให้พวกเราจนถึงบัดนี้
จากการที่ว่า ตนเองได้เรียนรู้ตนเองและเข้าใจ
และเมื่อไปเข้าใจอันนี้ปุ๊บ ก็ไปสร้างให้คนอื่นรู้ตาม
ขยายผลอันนี้มากเข้าๆ
.. จนกระทั่งทุกคนได้เข้าใจตาม ได้อานิสงส์ตาม
... ฉันไปบริจาคที่โน่น ที่นี่ ..
แล้วถามว่า ที่เขาบริจาค เช่นสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร
สร้างลานเจดีย์ สร้างสถานที่ต่างๆ
..มีคนเข้าใจมันบ้างมั้ย คนเข้าใจชีวิตบ้างมั้ย สิ่งนั้นสอนเรามั้ย
โบสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ สอนเรามั้ย
นี่ไม่ใช่ว่านั่นนะ เสา อิฐ ปูน สอนเราได้มั้ย
แต่คนหนึ่งที่ว่า ช่วยเหลือตัวเองจนหลุดพ้น
จนเข้าใจแล้ว มาแบ่งปันให้พวกเราเนี่ย
ใครจะได้อานิสงส์มากกว่ากัน
.. แต่ไม่ใช่บอกว่า ไม่มีประโยชน์นะ ต้องฟังให้ดีนะ
มีประโยชน์ในทางที่ให้เห็นว่า
นี่คือลักษณะของพุทธศาสนา
สมมติว่ามีโบสถ์ มีพระพุทธรูปเนี่ย
เป็นสื่อให้เรานำอันนี้ เอ้อ มีคนเค้าเข้าใจเรื่องนี้นะ
เราอยากทำตามเรื่องนี้ตามอย่างนี้นะ
เพียงแต่ว่าเป็นสื่อให้เราเห็นว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ในนั่น
เวลาเราเห็นพระพุทธเจ้า .. กราบพระพุทธเจ้า..
เราอย่าไปกราบแค่พระพุทธรูป
กราบสิ่งที่ท่านสอน กราบสิ่งที่ท่านแนะนำ
เห็นโบสถ์ เห็นวิหาร เห็นลานเจดีย์ เห็นพระสงฆ์องค์เจ้า
มันเป็นสื่อชนิดที่ว่าให้เราศึกษาว่า
พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์คืออะไร
เดินตามยังไง ไม่ใช่ไม่ดี
แต่มันดีระดับไหน ช่วยได้ระดับไหน ช่วยได้ระดับอะไร
แต่การช่วยเหลือตัวเองให้เข้าใจตรงนี้ก่อน
แล้วค่อยแบ่งปันคนอื่น อานิสงส์อันนี้
อย่างน้อยคนๆ หนึ่งไม่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น .. เป็นบุญมั้ยล่ะ
การไม่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น
ทำให้คนอื่นได้บุญกับเราด้วย
แต่คนๆหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจเลย
แต่ทำความเดือดร้อน ให้คนอื่นมากมายเลย จากคนๆเดียวนะ
สังเกตดูปัจจุบันนี้ แค่คนๆเดียวน่ะ
ทำให้ความเดือดร้อนมากมายหายห่วงเกิดขึ้นแก่คนหลายคนได้
ในทางตรงกันข้าม กับคนๆเดียวเหมือนกัน
แต่ก็ทำให้หลายๆคนเนี่ย ร่มเย็นเป็นสุขก็ได้
เมื่อคนๆนั้นได้พัฒนาการศึกษาตนเองจนเข้าใจแล้ว
ก็ได้เผื่อแผ่ความดีอันนี้ให้แก่คนอื่น
เราคนหนึ่งที่เข้าใจเรื่องนี้ แม้ไม่บอกใครเลย ก็เป็นบุญ
กับเราคนหนึ่ง สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างลานเจดีย์
แต่ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้เลยซักคน
แต่เป็นสัญลักษณ์ให้เรานึกถึงสิ่งที่เราจะต้องไปทำความเข้าใจ
เห็นมั้ย โบสถ์ วิหาร ลานเจดีย์ .. เป็นสื่อของพระศาสนา
ให้เราศึกษาพระศาสนา อีกทีนึง
แต่เป็นตัวที่ว่าเป็นตัวเปลือกพระศาสนา
แต่ไม่ใช่แก่นพระศาสนา
แต่คนที่เข้าถึงในการศึกษาจนเข้าถึงมันแล้ว
เค้าเรียกว่าเป็นตัวแก่นของพระศาสนา
และนำแก่นอันนี้ ไปสอนให้เค้าเข้าใจ อันนี้คือต่างกันอย่างนี้
ทานมี 3 อย่าง ทานบารมี ทานอุปบารมี ทานปรมัตถบารมี
ทานบารมี คือบริจาคสิ่งของ
ทานอุปบารมี คือเข้าไปใกล้อีก
คือเค้าเรียกว่า จิตอาสา เอาร่างกายตัวเองเข้าไปทำ
อย่างเราทำทุกวันนี้ เราเป็นพยาบาลนี่
เราทำอะไรรู้มั้ย ทานอุปบารมีคือจิตอาสานั่นเอง
อาสาดูแล อาสารักษา อาสาช่วยเหลือคนอื่น
อันนี้เป็นบุญของเรานะ
เค้าเรียกว่าเข้าไปใกล้ ใช้ตนเองเข้าไปทำ
ทานบารมี ใช้วัตถุเข้าไปให้
.. มันจะเป็นลักษณะที่มันหยาบไปอีก
เหมือนกับคนที่สร้างโบสถ์ สร้างวิหารลานเจดีย์
สร้างพระพุทธรูปต่างๆ .. เป็นการสร้างวัตถุ
อุปบารมี คือเราเอาตัวเราเองเข้าไปทำเลย
เอาตัวเองเข้าไปศึกษา มันจะเกิดทานปรมัตถ
ปรมัตถคือสภาวะภายในคือ จิตสามารถละอารมณ์ได้
บริจาคอารมณ์เป็น ทิ้งความคิดเป็น ทิ้งความโกรธเป็น
ทิ้งอารมณ์ได้เป็น จิตสลัดอารมณ์ได้ง่าย
นี่คือขั้นปรมัตถ คือภายใน
ใจภายในทำหน้าที่ในการออกจากความคิด
ออกจากอารมณ์ ออกจากการยึดติดเป็น นี่ขั้นปรมัตถฯ
ฉะนั้นแต่ละอันเนี่ย อานิสงส์จะต่างกัน
อันสุดท้าย อานิสงส์สูงสุดคือหลุดพ้น
อันที่ 2 ได้ คุณงามความดี ได้เกียรติ
ได้ศักดิ์ศรี ได้ชื่อเสียงขึ้นมา
ฉะนั้นการทำบุญมันมีหลายระดับ
... คือตาพวกเรามันมองตื้นเกิน มันมองแค่วัตถุ
บางคนเค้าบอกว่า เค้าไปบริจาคนะ
เช่น เดี๋ยวนี้จะมีคนที่ชอบบริจาค ไปช่วยเหลือโรงพยาบาล
ช่วยเหลือเด็กยากจน ช่วยเหลือคนน้ำท่วม
อันนี้ เค้าไม่คิดว่า มาช่วยเหลือพระศาสนา
เขาไม่เห็นว่ามันจะได้อานิสงส์มาก
การช่วยเหลือบริจาคเช่น การบริจาคสิ่งของ
การไปช่วยเหลือโรงพยาบาล การสร้างโรงพยาบาลก็ดี
การบริจาคเตียงก็ดีอะไรต่างๆ... เรียกว่า เป็นทรัพย์ที่ใช้ในโลกนี้
มันเป็นวัตถุที่ใช้ในโลกนี้เท่านั้นเอง
มันไม่ได้ใช้ในโลกหน้าได้
แต่พระศาสนานี่ .. มองถึงเรื่องภายใน ไม่ใช่เรื่องภายนอก
การให้พวกนี้ เป็นแค่การให้ภายนอกเฉยๆ
แค่อาศัยอยู่กินในโลกนี้แล้วก็ดับสูญไป เท่านั้นเอง
แล้วยิ่งให้มากๆ แล้วเป็นยังไง
ถ้าคนให้ไม่เป็นนะ โลกนี้จะเต็มไปด้วยขอทาน
การให้เป็นนี่ ให้แล้วเกิดปัญญา .....
คอร์สอบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Wednesday Dec 18, 2019
วพบ.วันที่สอง: ช่วงค่ำ พอจ.กระสินธุ์ 301162
Wednesday Dec 18, 2019
Wednesday Dec 18, 2019
อบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมะเทศนาโดย พระอาจารย์ กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Monday Dec 16, 2019
วพบ.วันที่สอง บ่าย: สรุปหลังรายงานตัวกด พม.ราเชน 301162
Monday Dec 16, 2019
Monday Dec 16, 2019
อบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมะเทศนาโดย พระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงบ่าย ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Saturday Dec 14, 2019
วพบ.วันที่สอง บ่าย: ความคิดเงียบ พม.ราเชน 301162
Saturday Dec 14, 2019
Saturday Dec 14, 2019
อบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Friday Dec 13, 2019
วพบ.วันที่สอง บ่าย: ทำยังไงกับความคิด พม.ราเชน 301162
Friday Dec 13, 2019
Friday Dec 13, 2019
อบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Thursday Dec 12, 2019
วพบ.วันที่สอง เช้า: ความง่วง พม.ราเชน 301162
Thursday Dec 12, 2019
Thursday Dec 12, 2019
อบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Tuesday Dec 10, 2019
วพบ.วันที่สอง เช้า พอจ.กระสินธุ์ 301162
Tuesday Dec 10, 2019
Tuesday Dec 10, 2019
...ในการหัดที่จะนั่งแล้วรู้ว่านั่ง
ทีนี้รู้ว่านั่งแล้ว มันจะรู้ด้วยว่า
มันจะเชื่อมโยงสู่การทำงานอะไร
แต่มันมีภาวะของการที่รู้อยู่กับการนั่ง ว่านั่งทำอะไร ..
ทำงาน แต่ไม่ทิ้งการนั่ง แต่เห็นงานที่ทำด้วย
ไม่จมไปกับงาน แต่เห็นงาน
… ถอดรหัสตรงนี้ให้ได้ก่อนว่า ‘ตัวรู้’ ของเรา
ไม่ใช่ว่าเราต้องทำขึ้นมาใหม่
เราต้องเข้าใจนะ
ตัวการภาวนานี่ ไม่ใช่การทำขึ้นมาใหม่
แต่เป็นการพัฒนาของเก่า ให้เจริญเติบโตเท่านั้นเอง
เพราะสิ่งนี้ถ้ายิ่งทำเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ของเดิม
แต่เป็นของปลอม ไม่ใช่ของจริง
.. ของจริง คือ ของที่มีอยู่แล้ว
แต่ทำยังไง จะไปพัฒนามันเฉยๆ
... ตัวหายใจ เราก็หายใจอยู่
แต่ตัวรู้การหายใจ .. ไม่มี
ยืน เดิน นั่ง นอน มีอยู่ใช่รึเปล่า
แต่การเข้าไปรับรู้มัน .. ไม่มี
สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นอุปการณ์ธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว
เป็นธรรมชาติที่เราเดินอยู่แล้ว ใช่มั้ย
แต่เราเคยรู้สึกกับมันมั้ย
เรื่องภาวนานี่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปอะไรมากมายเลย
มันอยู่ใกล้ๆตัวเรานั่นแหละ
แต่เราจะใส่การรู้มัน หรือใส่การคิด เข้าไป
เราจะต้องใส่การรู้เข้าไปนะ
ได้ยินเสียงมั้ย ตอนนี้ รู้มั้ยว่าได้ยิน
รู้ยังไง รู้ว่าได้ยิน หรือคิดตามเสียง
… รู้ว่าได้ยิน .. มันรู้ยังไง มันจะมีความเป็นแค่ขณะหนึ่ง
แต่ถ้าเราคิดตามเสียงนะ คิดไปเลย
อาตมาพูดปุ๊บ โยมก็คิดไปเลย
เอ้า! กำลังคุยเรื่องนี้ๆ คิดไปเลย
แต่ถ้าเรารู้ตามเสียง คือ ได้ยินเสียงความเป็นขณะหนึ่ง
ถ้าใครรู้ความเป็นขณะหนึ่งของเสียง
คนนั้นกำลังฝึกรู้ขึ้นมา
ตัวชี้วัดว่าตัวนี้คือตัวรู้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อเรารู้ความเป็นขณะหนึ่งของมัน
แต่ถ้าเราไม่รู้จักตรงนี้นะ ... ยาวเลย
ได้ยินเสียงนี่ก็ยาวเลย
…เราเคยรู้อย่างนี้มั้ย
ก่อนมาที่นี่ เคยรู้อย่างนี้มั้ย
มันเลยส่งผลสู่การคิด ตัวคิดจะเยอะขึ้น ตัวคิดมันจะมากขึ้น
เพราะว่าเราไม่ได้เอาตัวรู้มาหัดรู้ชีวิตเรา
มันก็เลยไปสู่ตัวคิดเยอะแยะมากมายเลย
พอเข้าใจนะว่าตัวรู้ มันเป็นภาวะที่รับรู้ ความเป็นขณะหนึ่ง
ถ้ามันหายไปจากการรับรู้ขณะหนึ่ง
มันเป็นตัวอะไร มันเป็นตัวหลงล่ะ
อาการนั่ง คือท่าทางของการนั่ง
รู้สึกไปที่มีอะไรกำลังเกิดขึ้น ตอนนี้ร่างกายกำลังเป็นยังไง
เย็นมั้ย สำรวจดีๆนะ ส่วนหนึ่งอุ่น ส่วนหนึ่งเย็น
ที่ไหนถูกแอร์ก็จะเย็น ที่ไหนที่เราทับอยู่ก็จะอุ่น
ที่ไหนที่เราใส่เสื้อใส่ผ้าอยู่ก็จะเป็นอาการของอุ่นไป
และอาการสัมผัสของผ้า อาการที่ผ้าสัมผัสเป็นยังไง
หยาบ ละเอียด สังเกตเป็นมั้ยพวกนี้
นี่คือการฝึก .. ที่จะรู้สึกว่านี่ คือ ภาวะของตัวรู้ที่เกิดขึ้นแล้ว
พูดง่ายๆ ว่ามันมีอาการอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายเรา
หรือร่างกายเราอยู่ในท่าทางไหน
เค้าเรียกว่าเกิดภาวะรู้ขึ้นมาแล้ว
เพราะว่าจะแยกว่ามันมีร่างกาย กับ มีตัวรู้ร่างกาย
เลยจากนั้นไปจะเป็นตัวอะไร ตัวคิดเรื่องร่างกาย
ต้องจับประเด็นนี้ให้ได้ก่อนว่าเราจะฝึกตัวนี้นะ
.. ตัวร่างกายทั้งหมดเป็นแค่อุปกรณ์
แล้วรูปแบบต่างๆ เป็นแค่อุปการณ์
เป็นอุปกรณ์ในการฝึกซ้อมให้เกิดทักษะ .. ในการรู้บ่อยๆ ..
สังเกตดูเราพูดมาทั้งหมด เราจะพูดเรื่องความคิดใช่รึเปล่า
ทำไมความคิดของเราเองมันจึงเกิดได้ไว เกิดได้บ่อย เกิดได้เยอะ
เพราะเราใช้มันบ่อยใช่มั้ย ใช่รึเปล่า
... เราใช้เค้า หรือ เค้าใช้เรา ...
เราใช้เขาเป็นบางเรื่อง บางราวเท่านั้นเอง
แต่เขาใช้เรา เอาเรื่องเก่าๆมาขุดคุ้ย
เอาเรื่องผ่านมาแล้ว มาทำให้เรารู้สึกใหม่
เช่นทำงานเรื่องนี้ฉันต้องใช้ความคิดชนิดนี้
แต่พอทำไปๆ สักพักหนึ่ง อย่างเราจะทำงานชิ้นนี้
ต้องไปปฏิสัมพันธ์กับคนที่เราไม่ชอบ
เราก็จะเริ่มทิ้งเรื่องงานล่ะ ไปสู่เรื่องไม่ชอบ
มันคนละเรื่องกันนะ งานกับความไม่ชอบน่ะ
เราก็เลยถูกความคิดใช้ว่า ..
คนนี้เคยทำเราแบบนั้น แบบนี้ แบบโน้น
เราเลยไม่ชอบ ขี้หน้า ไม่อยากติดต่อ
ไม่อยากเข้าไปใกล้ ไม่อยากปฏิสัมพันธ์ด้วย
แต่งานต้องเดินใช่มั้ย ก็ไปทำแบบ แกนๆ
ไม่ค่อยเต็มใจ แบบฝืนๆไป ไม่ได้มีความสุขกับมันน่ะ
ทีนี้ให้ดูดีๆว่า ความคิดมันเกิดบ่อย
เพราะเราใช้เขา และเขาก็ใช้เราด้วย มันเลยเกิดการชำนาญ
แต่ในทางตรงกันข้าม เราเคยใช้ตัวรู้มั้ย
ทั้งๆที่มันมีอยู่ในชีวิตเรา
แค่การรู้น่ะ ง่ายๆ .. แค่การรู้ .. เราเคยใช้มั้ย
การรู้นี่ไม่ได้เกี่ยวกับการคิดเลยนะ
ถ้าเราไม่ฝึกตัวรู้สึกตรงนี้
วิชาพระพุทธเจ้าคือการเฝ้าดู ไม่ใช่เข้าไปจัดการ
… ภาวะของการจัดการนี่ คือภาวะของตัณหา
ภาวะของความอยาก และจัดการแต่ละทีน่ะ
จัดการแบบไหน จัดการแบบพอใจ กับ แบบไม่พอใจ
เค้าถึงบอกว่าให้ ถอนความพอใจและไม่พอใจไง
เปลี่ยนจากความพอใจและไม่พอใจ เป็นการรู้ใจ
เป็นการเรียนรู้ใจมัน
เราเลยต้องย้อนกลับไปสู่ภาวะเดิมว่า
เราเติบโตแต่ร่างกาย เติบโตแต่การงาน
เติบโตจากมันสมอง เราเติบโตแต่...
เค้าเรียกว่า สมองโตแต่ใจตีบ
ใจไม่ได้โตด้วย เพราะใจถูกกระทำอยู่ตลอดเวลา
เพราะใจ เนี่ยไม่ได้เกิดการเรียนรู้ตัวมันเอง
มันมีแต่อารมณ์เข้าไปทับถมมันหมดเลย
ฉะนั้นเราต้องฝึกให้ใจตื่นขึ้นมารู้ไง
นี่คือหัวใจมันจริงๆคือ คุณต้องหัดให้ได้ หัดตัวรู้นี้ให้เป็น
แล้วอุปกรณ์ สร้างจังหวะ หรือใช้ตัวกด นั่นแค่เป็นอุปกรณ์ภายนอก
อุปกรณ์แบบธรรมชาติ มันจะเป็นลักษณะที่ว่า...
เค้าจะเกิดก่อน แล้วค่อยมีตัวรู้ตาม
โดยธรรมชาติเนี่ย คุณคิดขึ้นมาก่อนใช่มั้ย จึงจะรู้ว่าคิด
.. หายใจขึ้นมาก่อน จึงรู้ว่าหายใจ
.. นั่งก่อนจึงรู้ว่านั่ง เดินก่อนจึงรู้ว่าเดิน ยืนก่อนจึงรู้ว่ายืน
เราได้ยินเสียงก่อนจึงรู้ว่าได้ยินใช่รึเปล่า
จมูกนี่ชัดเจนมากเลย คุณจะรู้กลิ่นก่อน ก่อนที่กลิ่นมันถูกจมูกได้มั้ย
โดยธรรมชาติแล้ว ต้องมีสิ่งที่มากระทบมันก่อน
มันจึงจะเกิดการรู้ขึ้นมา
อันนี้อันหนึ่งนะ ที่จะไปกระตุ้นตัวรู้ขึ้นมาให้มันเห็นชัด
สังเกตตรงนี้นะ พอมันมีความคิด หรือมีอารมณ์เข้ามาปุ๊บ
ภาวะพวกนี้จะหายไปหรือ จะหายไป
ยืนเราก็หายไป เดินเราก็หายไป
นี่เราเข้าไปในอารมณ์ลึกๆ
กำลังคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ การยืน เดิน นั่ง นอน
หรือแม้แต่หูก็ไม่ได้ยินเสียงด้วยซ้ำไป
หรือแม้แต่ตาก็ไม่ได้เห็นด้วยซ้ำไป
แม้จมูกก็ไม่รับรู้กลิ่นด้วยซ้ำไป
เพราะใจมันหลงเข้าไปข้างใน เค้าเรียกว่าหลง
จังหวะหลงมันเป็นอย่างนี้ มันจะลืมภาวะของร่างกาย
… จิตใจเราล่ะ เคยพยาบาลมั้ย
เวลามันโกรธขึ้นมาพยาบาลยังไง
เวลามันกลัวขึ้นมาพยาบาลยังไง
เวลามันอึดอัดขัดเคือง หรือมันกังวล ทำยังไงกับมัน
... เวลาพยาบาลจิตใจ อย่าไปพัฒนาตัวคิด
อย่าพัฒนาตัวใจให้เข้าไปเล่นไปเสพอารมณ์
ต้องพัฒนาให้มันมาเฝ้าดูให้ได้
นี่คือการพัฒนาใจ
ใจ คือ ต้องการพัฒนาให้มันมาเป็นผู้เฝ้าดู เฝ้าศึกษาให้ได้
การพัฒนาใจ การดูแลใจ... ไม่ใช่การกำจัดอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
แต่คือการหยุดตัวเอง อย่าไปกับอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
แต่อย่าปฏิเสธด้วย การหยุดนี่ไม่ใช่การปฏิเสธ
คือหยุดดูมัน หยุด ฝึกรู้มัน ฝึกดูมัน
นี่คือตัวหลักตัวหัวใจจริงๆที่ต้องทำนะ
เวลาโกรธขึ้นมาแล้ว เกลียดขึ้นมาแล้ว
เบื่อ เซ็ง หงุดหงิด อันนี้เราปฏิเสธมันได้มั้ย .. ไม่ได้
มันเป็นอุปนิสัยเราที่เราสะสม มันก็จะมาตามเรื่องของมัน
แต่เราไม่ไปกับมันได้ นี่ต่างหาก คือหัวใจของมัน
… จุดเล็กๆตรงนี้ ตรงที่ว่าเราจะแก้ไขได้ยังไงว่า
เราอย่าไปกับเขา แต่เรียนรู้เขา
อย่าปฏิเสธเขา แต่ศึกษาเขา
อย่าปฏิเสธความคิด แต่ศึกษาความคิด
อย่าให้ความคิดมันใช้
คุณพยายามใช้ความคิดสิ
แต่คุณมั่วหมด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร
ความคิดใช้คุณหรือคุณใช้ความคิด
ทุกวันนี้คุณจะคิดเรื่องวิธีการใช้งานน่ะ .. นิดเดียวเอง
แต่นอกนั้นความคิดใช้คุณ หมดเลย .....
คอร์สอบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์ กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ช่วงเช้า ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Monday Dec 09, 2019
สมองโต..แต่ใจตีบ พอจ.กระสินธุ์ 11.11.62
Monday Dec 09, 2019
Monday Dec 09, 2019
ในฐานะที่ตอนนี้หลวงพ่อไม่อยู่แล้ว อยากฝากพวกเราไว้ ช่วงหลังๆมานี่ พวกเราเป็นช่วงที่เรียกว่า "สมองโต แต่ใจมันกลับตีบ"
หลังจากครูบาอาจารย์ต่างๆ.. ได้นำเสนอ ส่งเสริมความคิด พวกเราเลยเป็นภาวะของสมองโตแต่.... ใจไม่โตตาม สังเกตุเวลาสมองโตคือ..มันจะสรุปได้เร็วมาก เข้าใจเหตุผลมาก ชัดเจน แต่มีการแบ่งแยก ผิดถูก ใช่ไม่ใช่ ตัวนี้มันจะพาไปสู่ภาวะนั้น(สมองโต) แต่ภาวะใจโต ใจมันจะเป็นภาวะอีกแบบนึง
บางที่ฟังคนเขาเล่าประสบการณ์บรรลุรูปนาม มันอลังการมาก ทำให้รู้สึกอยากเป็นอย่างเขา เลยจำภาวะเขา จำไปจำมา คิดไปคิดมา ทำอย่างไรหนอ...จึงจะเจอ... อันนี้เลยทำให้เกิดภาวะของสมองโต อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น อยากมี อยากเข้าใจ แต่ใจไม่ได้ไปด้วย ใจยังไม่รู้ไปไหนเลย ใจมีแต่ความอยากบงการ อยากนำหน้า ถูกความอยากเข้าครอบงำไปหมด
เราจะเห็นได้ว่า เดี๋ยวนี้ธรรมะมีเยอะมากกก คนที่ฟังมากๆ อ่านมากๆ จะเกิดภาวะของความรู้เรื่องธรรมะเข้าไปสุมหัวเรา จนเราคิด เข้าใจว่า เราเข้าใจแล้ว อันนี้ต้องระวังดีๆนะ คือเข้าใจทางมันสมองนะ แต่จิตมันไม่เข้าใจด้วย จิตมันยังไม่พัฒนาตัวมันเอง
ต้องแยกให้ชัดว่า.... จิตจะพัฒนาผ่านประสบการณ์การเผชิญอารมณ์ ไม่ใช่การใช้เหตุผลกับอารมณ์ จิตจะเจอทุกอารมณ์แล้วก้าวข้ามไปได้ นี่...จิตถึงจะเติบโต จะไม่ใช้เหตุผล แต่ใช้การประจักษ์กับอารมณ์ตรงๆ ใช้ภาวะของตัวรู้ เข้าไปเรียนรู้กับมันตรงๆ
สังเกตุว่า... ถ้ามันเติบโตทางด้านใจนะ มันจะเป็นการเติบโตแบบ "ไม่แปลกแยก" มันจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพในทุกอารมณ์
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เคารพ.. ทุกสภาวะธรรมความเป็นจริงของทุกอารมณ์ ไม่มีการแบ่งแยกว่าอันนี้ดีอันนี้ชั่ว อันนี้ถูกอันนี้ผิด อันนี้เอาไม่เอา อันนี้พอใจ อันนี้ไม่พอใจ นั่นเป็นภาวะของความคิดมัน โต เหตุผลมันโต แต่ไม่ใช่ใจมันไม่โต
ถ้าใจมันโต มันจะเคารพทุกอารมณ์ ไม่ว่าอารมณ์นั้น... จะเลวร้ายปานใดก็ตามที่มันเข้ามาหาใจ ไม่ว่าเรื่องนั้น.. จะดีหรือประเสริฐเพียงใดที่มันเข้ามาหาใจ ใจจะเคารพทุกอารมณ์ตามที่สิ่งนั้นเป็น .. โดยเขาจะไม่ใช้ข้อมูลความรู้เก่าๆที่ผ่านมาทั้งหมด
เพราะฉะนั้น การภาวนาที่ผ่านมาเรื่อยๆ ที่พยายามทำ ดีบ้างไม่ดีบ้าง ถูกบ้างผิดบ้าง เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่จะอาศัยการทำไป สังเกตุไป เพราะเราต้องเข้าใจว่า... วิธีการของครูบาอาจารย์หลวงพ่อเทียน.. จะใช้สภาวะของตัวรู้นำหน้า ไม่ใช่ความคิดนำหน้า ไม่ใช่เหตุผลนำหน้า แต่ใช้ตัวรู้ค่อยๆเรียนรู้มันไป แล้วมันค่อยๆแกะตัวมันเอง บางคนแกะแรงหน่อยก็จะเห็นชัดเจนหน่อย แต่บางคนค่อยๆแกะ อย่างของผมค่อยๆแกะ ค่อยๆแยกออกแยกออก ค่อยๆสังเกตมัน จนมันค่อยๆเข้าใจ แต่ถามว่ามันเข้าใจแบบไหน ก็ตอบไม่ถูกเพราะมันไม่ได้เป็นแบบฉับพลันทันที เหมือนอย่างคนอื่นเขาเป็นกัน แต่มันค่อยๆเข้าใจ ค่อยๆ เห็นจิตมันเป็น จิตมันค่อยๆเป็นของมัน
เมื่อก่อนพอฟังเขาเล่าสภาวะแล้ว... มีแต่ความอยากได้อยากมีอยากเป็น อยากได้สภาวะ เหมือนเขา พอเราไม่เป็นก็ท้อถอย..นิวรณ์ก็ขวางกั้นขึ้นมา
คือเรายังไม่มีศรัทธา คือจิตที่น้อมใจเชื่อจริงๆว่า.. เราไม่ต้องใช้ความคิดเลยนะ ใช้แค่ตัวรู้เข้าไปเผชิญกับอารมณ์นี่แหละ... มันพาใจเราหลุดพ้นได้ ให้ใช้สภาวะปรมัตถ์ คือสภาวะของตัวรู้นี่ เข้าไปศึกษามันเลย เป็นอะไรก็เป็นไป.. แล้วจะเข้าใจคำว่ารู้ตรงๆรู้ซื่อๆ รู้ตามสิ่งนั้นเป็น ไม่ใช่ว่ารู้แล้วเข้าไปจัดการ ไปคิดแยกแยะอะไร เพราะภาวะที่เข้าไปแยกแยะมากมาย... เป็นภาวะของความคิด ไม่ใช่ภาวะจิตของเขาที่แยกเอง
ถ้าจิตเขาแยกเอง เขาต้องทนผ่านกระบวนการ เหมือนผ่านไฟ เวลาฝึกไป มันค่อยๆเป็น มันต้องผ่าน.... กระบวนการในการฝึกลดความอยากทุกชนิด อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยากเห็น อยาก... ทุกอย่างที่นำหน้า
สภาวะธรรมที่มีความอยากนำหน้า ถ้าทำด้วยความอยาก...จะทำได้พักหนึ่ง แล้วมันจะ "หล่นแป๊ก" หมดแรง
แต่พอหมดแรงแล้วเราไม่ยอมล้ม ทำต่อไป ได้เสีย ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าๆ แต่เราไม่ยอมหยุดมัน.. ทำไปเรื่อยๆ จิตมันจะค่อยๆเติบโต
เลยเข้าใจว่าเวลาจิตโตคือ.... ต้องปล่อยให้จิตเผชิญกับอารมณ์ แต่อย่าไหลตามอารมณ์ เผชิญกับมัน แต่อย่าไหลตามมัน เรียนรู้มัน แต่อย่าไปหลงมัน ฝึกเข้าใจมัน แต่อย่าไปเป็นตามมัน มันเป็นการฝึกแบบให้จิตเผชิญกับของจริง ไม่ใช่จินตนาการ เจ็บจริง ปวดจริง วุ่นวายจริง สงบจริง สบายจริง แล้วหายจริง ทุกอย่างจะเห็น "ใจ" ค่อยๆเติบโตขึ้นมา
ใจมีกำลังในการก้าวข้ามอารมณ์ ไม่ว่าอารมณ์นั้น มันจะมาแบบไหนก็ตาม ตัวมันนิ่ง นิ่งที่จะดู นิ่งที่จะศึกษา ไม่ด่วนตัดสินใจ ไม่ด่วนปฏิเสธ ไม่ด่วนยอมรับ ไม่ด่วนสรุป
ดูมัน ศึกษามัน ด้วยจิตที่มันนิ่ง ถ้ามันเห็นชัดอย่างนี้.... มันจะแยกรูปแยกนาม มันจะเห็นตลอด
ภาวะของรูป เป็นส่วนหนึ่งที่มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เป็นภาวะปัจจุบันที่มีอยู่รายล้อมรอบๆตัวเรา.. ...ตลอดเวลา ... ไม่ต้องใช้ความคิดเลยนะ.. ภาวะของรูปเนี่ย แต่ใช้ใจสัมผัส
แต่ภาวะนาม เป็นภาวะของการใช้ความคิด ใช้จินตนาการ ใช้อดีตอนาคต
ก็เลยเห็นสภาวะของตัวรู้ ที่แยกออกมารู้รูป ที่แยกออกไปรู้นาม ใช้ภาวะของตัวรู้ที่รู้อารมณ์ของรูปและนาม
ตัวนี้เองที่เป็นรู้สึกตัวจริงๆ ที่ไม่เกี่ยวกับรูปนาม แต่เห็นรูปเห็นนาม มันเป็นภาวะของตัวรู้ ที่เป็นอิสระ แต่นี่ไม่ใช่คำตอบสูงสุด.. มันเป็นแค่อุปกรณ์หนึ่ง... ที่ทำให้เราเข้าใจโลกใบนี้เท่านั้นเอง
ตัวรู้เหมือนแสงสว่างนี่หละ แต่ เราไม่เอาแสงสว่าง เราอาศัยแสงสว่าง ในการทำงานต่างๆ เมื่อถึงเวลาทำงานเสร็จแล้ว เราก็ปิดไฟ ไม่จำเป็นต้องใช้
ตัวรู้เหมือนแสงสว่าง ให้เราเห็นว่าอะไรคืออะไร ทำให้จิตใจมันเข้าใจ และจิตใจมันเติบโต มันจะค่อยๆพัฒนา ตัวนี้ขึ้นมา
อาตมาไม่ได้เจออะไร.. ที่มันอลังการเหมือนที่เขาเป็นนะ อาตมาก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่รู้ว่ามันเป็นตอนไหน แต่รู้ อีกที ว่า จิตมันแยกของมันได้แล้ว และมั่นคง และไม่เหมือนใคร มันเหมือนของตัวเองนั่นแหละ ค่อยๆทำไปนะ แต่ให้ระวัง พยายามพัฒนาตัวเอง เอาให้ใจมันโต อย่าใช้ความคิดอะไรมันมาก หลวงพ่อไม่อยู่แล้วนะ เหลือแต่พี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ค่อยๆเดินไปกัน
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท สนทนาธรรมรำลึกถึงหลวงพ่อมหาดิเรก งานอาจาริยบูชา พระพุทธยานนันทภิกขุ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 หัวค่ำ ณ วัดแพร่แสงเทียน
Cr: ถอดคำ เรียบเรียง ตอ
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับชม และรับฟัง..สาธุ
Sunday Dec 08, 2019
วพบ.วันแรก พม.ราเชน 291162
Sunday Dec 08, 2019
Sunday Dec 08, 2019
อบรมจริยธรรมวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ธรรมะเทศนาโดย พระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ช่วงค่ำ ณ ครุสติสถาน
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Friday Nov 29, 2019
ปัจจัยประกอบการภาวนา พอจ.กระสินธุ์, พม.ราเชน 241062
Friday Nov 29, 2019
Friday Nov 29, 2019
สนทนาธรรมโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท และพระมหาราเชน สุทธจิตโต
วันที่ 24 ตุลาคม 2562 ณ สวนธรรม วังน้ำเขียว
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Thursday Nov 28, 2019
ตัณหา พอจ.กระสินธุ์ 231062
Thursday Nov 28, 2019
Thursday Nov 28, 2019
ตัณหา
ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 23 ตุลาคม 2562 ณ สวนธรรม วังน้ำเขียว
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Tuesday Nov 26, 2019
ธรรมะบนโลกความจริง พอจ.กระสินธุ์ 091162
Tuesday Nov 26, 2019
Tuesday Nov 26, 2019
ธรรมะบนโลกความจริง
บนโลกความเป็นจริงอยู่ตรงไหน เดินไปอย่างไร
อาตมามองเป็น 2 มุมนะ มุมหนึ่ง..คือการศึกษาเรื่องทฤษฎีคำสอนต่างๆ พอเราเจอภาษาบาลีพวกเราก็จะงง เป็นเรื่องที่เราอ่อนเพราะระบบการศึกษาไม่ส่งเสริมการใช้ภาษาอันนี้
อีกมุมคือ ภาษาของพระพุทธเจ้าเป็นภาษาของจิตใจไม่ใช่เป็นภาษาของวัตถุ เป็นภาษาของจิตวิญญาณทั้งนั้น
คำว่าโลภะโทสะโมหะ เป็นภาษา ที่เราจะศึกษาเมื่อไหร่ก็ได้ นั่นเป็นทฤษฎีที่เราจะสามารถแสวงหาในอดีตอนาคตได้
เวลาภาวนาจริงคือเวลาที่นี่ และ เดี๋ยวนี้ นั่นคือสถานที่ภาวนาที่แท้จริง ที่จะนำเอาความรู้และทฤษฎีต่างๆ มาร้อยเรียง มาพัฒนา มาทำให้จิตเกิดการก้าวหน้าและเติบโต
ดังนั้นการภาวนาจริงๆ คือเรื่องปัจจุบันเฉพาะหน้า จะมีเรื่องราวของทฤษฎีที่มีชื่อต่างๆ... ปรากฏให้เห็นอยู่แล้ว เวลาเราภาวนาแล้ว.. ไปเจออารมณ์อะไร เจอแบบไหน นั่นเขาคือ 'ครู' อย่าไปคิดว่าเขาเป็น 'ศัตรู' ทุกอย่างคือ 'ครู' เขากำลังให้บทเรียนกับเรา เพื่อจิตใจเราจะได้เติบโต
แต่เราปฏิเสธครู... อันนี้ฉันไม่ชอบ อันนี้ชอบก็ไปกับครู ผลสุดท้ายก็มีแต่เกลียดครู กับหลงครู ไม่ได้รู้ว่าครูคือใคร
วิธีภาวนาจริงๆคือ สิ่งที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ทุกๆเรื่องราวทุกๆขณะ ที่เขากำลังมาหาเรา นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องเรียนรู้
แต่ก่อนจะเรียนรู้ได้ ต้องฝึกตัว 'รู้' ขึ้นมาให้ได้ก่อน ระหว่างตัว 'รู้' กับตัว 'หลง' ถ้าเราอยู่กับตัวหลง.... .... เราหมดสิทธิ์แล้วที่จะได้เรียน หลงซะแล้วไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้
แต่ถ้าเราฝึก "รู้" ขึ้นมาให้ได้ก่อน แล้วจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นมา.. ตามลักษณะของมันได้ชัดเจน นั่นแหละมันจะบ่งบอกว่าเราไม่ใช่มัน มันไม่ใช่เรา แต่อยู่ด้วยกันนะ
โกรธไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ความโกรธ แต่เราต้องอยู่กับความโกรธ ...อยู่กับความทุกข์ทั้งหลายอย่างมีศิลปะ.. อยู่กับความทุกข์..โดยที่จิต... ไม่ได้ไปทุกข์ด้วย ไม่ได้เดือดร้อนด้วย..
ภาวะปัจจุบันเป็นภาวะที่ทำให้.. เราตื่นขึ้นมารู้ได้
ถ้าจะภาวนาแล้ว.. ต้องรอเข้าวัดก่อน.. รอมาหาพระก่อน.. รอมาถือศีลก่อน ค่อยจะมาภาวนา นั่นคือคุณหมดสิทธิ์ที่จะภาวนา พลาดโอกาสภาวนาแล้ว..
โดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภ้ทโท
ถอดคำ เรียบเรียง: กาญจนวัลย์ เสวนาธรรม " ฟังอาจารย์ อ่านตำรา ไม่ภาวนา ไม่พบผล" 9 พฤศจิกายน 62 เบิกฟ้าธรรมาศรม ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ)
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Sunday Nov 24, 2019
ก่อนมาเป็นพระ พอจ.กระสินธุ์ 091162
Sunday Nov 24, 2019
Sunday Nov 24, 2019
ก่อนมาเป็นพระ
เสวนาธรรมในงานภาวนาเบิกฟ้าธรรมาศรม "เรือนใจเพื่อภาวนา"
โดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Thursday Nov 21, 2019
สนทนาธรรม พอจ.กระสินธุ์ 241062
Thursday Nov 21, 2019
Thursday Nov 21, 2019
สนทนาธรรม
ธรรมะเทศนาโดย พระอาจารย์กระสินธุ์ อนุภัทโท
วันที่ 24 ตุลาคม 2562 ณ สวนธรรม วังน้ำเขียว
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว
Saturday Nov 16, 2019
คอร์สไตรลักษณ์สู่ไตรสิกขา#5 วันปิดคอร์ส พม.อาคม 060862B
Saturday Nov 16, 2019
Saturday Nov 16, 2019
คอร์สไตรลักษณ์สู่ไตรสิกขา: วันที่ห้า: วันปิดคอร์ส
ธรรมะเทศนาโดย พระมหาอาคม ธัมมิกโก
วันที่ 6 สิงหาคม 2562 ช่วงเช้า ณ ยุวพุทธิกสมาคมศูนย์ 2 ปทุมธานี
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ติดตามรับฟัง..สาธุ
ช่องทางอื่นๆในการรับฟังธรรมะ
YouTube, FaceBook พระอาจารย์กระสินธุ์
Spotify : รู้ขณะเดียว